CPTPP มีชื่อเต็มว่า Comprehensive and Progressive Trans-pacific Partnership หรือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก โดยชื่อของ CPTPP ได้กลับมาติดเทร็นด์ในโซเชียลมีเดียอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณา CPTPP ในวันที่ 10-11 มิถุนายนี้
ที่มาที่ไปของข้อตกลง CPTPP เดิมทีมาจาก ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPP (Trans-Pacific Partnership) โดยมี 12 ประเทศเป็นสมาชิก คือ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ และเวียดนาม แต่เมื่อปี 2560 สหรัฐฯได้ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น CPTPP
จากผลการศึกษาวิจัยประโยชน์และผลกระทบของความตกลงCPTPP พบว่า หากไทยเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ได้ประโยชน์ดังนี้
– GDP ของไทยเติบโตขึ้นร้อยละ 0.12 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 148,240 ล้านบาท
– การส่งออกของไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.47 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 271,340 ล้านบาท
– เพิ่มโอกาสการส่งออกของไทยไปยังกลุ่มประเทศสมาชิก CPTPP ด้วยกัน โดยเฉพาะในตลาดแคนาดาและเม็กซิโก
– ทำให้ไทยเป็นที่ดึงดูดต่อการลงทุนต่อต่างชาติ
– ไทยมีโอกาสได้ปรับปรุงกฎระเบียบด้านแรงงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลดีต่อไทยระยาว
อย่างไรก็ดี ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวก็มีข้อเสียอยู่หลายด้านเช่นกัน เนื่องจากไทยจะต้องเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญา UPOV1991 หรืออนุสัญญาว่าด้วยสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ซึ่งจะส่งผลเสียในด้านเกษตรกรรมดังต่อไปนี้
- เกษตรกรไม่สามารถเก็บส่วนขยายพืชพันธุ์ไว้ปลูกต่อได้ นักพัฒนาพันธุ์พืชไม่สามารถพัฒนาได้
- ความหลากหลายทางชีวภาพจึงถูกจำกัด เมล็ดพืชพันธุ์จุถูกผูกขาดโดยบริษัทยาวนานขึ้นจากเดิม 7 ปี เพิ่มเป็น 15-20 ปี
- ราคาเมล็ดพันธุ์พืชจะแพงขึ้น 6-12 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้งที่สั่งซื้อ
ขณะที่ในส่วนของด้านสาธารณสุข ภายใต้ความตกลง CPTPP ก็มีหลายส่วน ที่ส่งผลต่อการเข้าถึงยา การพัฒนาอุตสาหกรรมยาในประเทศดังนี้
- การผูกขาดข้อมูลยา กล่าวคือหลังสิทธิบัตรยาหมดแล้วจะไม่อนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลยาต้นแบบในการผลิตยา ซึ่งเป็นการลดความสามารถในการแข่งขันลง
- การเชื่อมโยงการขึ้นทะเบียนตำรับยากับระบบสิทธิบัตร หากจดสิทธิบัตรไม่ทันต่างประเทศก็จะกระทบต่อการพัฒนายาตัวใหม่
ทั้งนี้ ข้อตกลง CPTPP ล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ซึ่งหากไทยเข้าร่วมกับข้อตกลงดังกล่าวย่อมจะมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนไทยอย่างแน่นอน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งการพิจารณาข้อตกลง CPTPP ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าจับตากันต่อไป