ประวัติ โจ ไบเดน หรือ โจ ไบเดิน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 46 เขามีชื่อเต็มว่า โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดิน จูเนียร์ (Joseph Robinette Biden, Jr.) เป็นนักการเมืองชาวอเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1942 หรือ พศ. 2485 มี อายุ 77 ปี โดย ไบเดน ทำสถิติเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะขึ้นครองตำแหน่ง
โจ ไบเดน นักการเมืองผู้ผ่านมรสุมชีวิต จนคิดฆ่าตัวตาย สู่ผู้ท้าชิง ประธานาธิบดีสหรัฐ กับ ทรัมป์
โจ ไบเดน เกิดในเมืองสแครนตัน ในรัฐเพนซิลเวเนีย เขาและครอบครัวอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์จวบจนปัจจุบัน ไบเดินประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513 ไบเดินเข้ามารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกในปี 2515 ซึ่งการเลือกตั้ง ทำให้เขากลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ จากนั้น เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์อีกด้วย
ทั้งนี้ โจ ไบเดน เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์เจ็ดสมัยติดต่อกัน ระหว่าง พ.ศ. 2515 ถึง 2552 สังกัดพรรคเดโมแครต, ไบเดนเป็นผู้แทนของพรรคชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563 แข่งกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2531 และ พ.ศ. 2551 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
อนึ่ง โจ ไบเดน เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนานจนเป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้ ศิลปะการเจรจาของเขาเคยนำมาซึ่งความช่วยเหลือทางการทหารของสหรัฐและการเข้าแทรกแซงในสงครามบอสเนีย เขาออกเสียงสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาสงครามอิรัก แต่ต่อมาได้ประกาศจุดยืนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าว นอกจากนั้น ไบเดินยังได้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการศาลยุติธรรมสำหรับสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย โดยมีส่วนในเรื่องของยาเสพติด อาชญากรรม การป้องกันภัย และสิทธิพลเมือง และยังเป็นแกนนำในการเสนอกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงและการบีบบังคับ และกฎหมายว่าด้วยการคุกคามสตรี
อย่างไรก็ตาม โจ ไบเดน เคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ในปี 2551 บารัก โอบามา ผู้สมัครที่ได้ตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตตัดสินใจเลือกไบเดินเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นคู่สมัครในการเลือกตั้ง ค.ศ. 2551 นี้ และได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี
ในเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2558 โจ ไบเดน ประกาศว่าเขาจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2559 ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 ไบเดนได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีจากประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่สนิทสนมกันจนมีหลายฝ่ายใช้คำว่า โบรแมนซ์ ที่หมายถึงพี่น้องผู้ชายที่มีความสัมพันธ์หวานซึ้งโรแมนติก และในช่วงที่ โจ ไบเดน สูญเสียลูกชายคนโต จนประกาศขายบ้านเพื่อนำเงินมาให้ลูกสะใภ้ ประธานาธิบดีโอบามา ได้เสนอตัวเข้ามาช่วยเรื่องเงินจำนวนนั้น เพราะไม่อยากให้เขาขาบบ้าน แต่ ไบเดน ขอรับไว้เพียงนํ้าใจ พร้อมขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของเพื่อนสนิท
ต่อมา โจ ไบเดน ประกาศที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2562 โดยในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 เขามีคุณสมบัติตามเกณฑ์จากคณะผู้ออกเสียง 1,991 คนที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครต และวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ไบเดน ประกาศให้ กมลา แฮร์ริส เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในวันที่ 4 พย. 63 เพื่อท้าชิงกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
ล่าสุด 8 พย. 63 ผลการนับคะแนนโหวตอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว ปรากฏว่า โจ ไบเดน เป็นฝ่ายเอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯได้สำเร็จ หลังมีคะแนนเสียง 290 เกิน 270 มากว่า 20 เสียง ซึ่งเขายังทำสถิติเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ได้คะแนนป็อปปูล่าโหวดสูงสุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย
โจ ไบเดน เผยเข้าใกล้ชัยชนะแล้ว ขณะที่ทรัมป์ลั่นมั่นใจชนะครั้งใหญ่แน่นอน
เลือกตั้งสหรัฐ เทียบนโยบายทรัมป์-ไบเดน จะมีผลต่ออาเซียนและโลกอย่างไรบ้าง
