เมื่อ ชุดนักเรียน กับ ชุดไปรเวท กลายมาเป็นประเด็นร้อนในสังคมว่ายังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ชุดนักเรียน สามารถช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำหรือใช้ซุกซ่อนปัญหาดังกล่าวไว้ใต้พรม มีทั้งฝ่ายของเสรีนิยมที่มองว่าชุดนักเรียนไม่จำเป็น สามารถใส่ชุดไปรเวทไปเรียนได้ เพราะไม่เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแต่งกายของเด็กนักเรียน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อ ชุดนักเรียน กับความคิดเห็นของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ยังคงบอกว่าการใส่ ชุดนักเรียน ดีอยู่แล้ว เพราะสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ ไม่เกิดการแข่งขันเรื่องการแต่งตัว สร้างความปลอดภัยให้กับตัวผู้ใส่ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย จากความขัดแย้งจึงนำมาซึ่งแฮชแทก #1ธันวาบอกลาเครื่องแบบ ขึ้นและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์มากมาย
กำเนิดการใส่ชุดนักเรียนในไทย
ในประเทศไทยมีโรงเรียนเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อสมัยรัชกาล 5 ทรงตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง จากนั้นก็ทรงให้มีโรงเรียนสำหรับสามัญชนตามมา และได้มีพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน ปี 2482 ออกมาบังคับใช้ แต่บทบัญญัติบางประการมีความไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันจึงได้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พุทธศักราช 2482 และให้ใช้พระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 แทน โดยกำหนดให้มีเครื่องแบบนักเรียนไว้เป็นมาตรฐานกลางเพื่อประโยชน์ในการประหยัดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
และเมื่อวันที่ 1ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา กลุ่มนักเรียนเลว ได้รวมตัวกันประกาศตัวว่าจะไม่ใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนเพื่อแสดงจุดยืนว่าการไม่ใส่ ชุดนักเรียน ก็สามารถเรียนได้ตามปกติและไม่เกิดปัญหาความเหลื่อล้ำ ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ระบุว่า ระเบียบการแต่งกายของกระทรวงศึกษาธิการนั้นชัดเจนอยู่แล้ว การที่นักเรียนแต่งกายชุดอื่นมาโรงเรียนถือว่าทำผิดกฎระเบียบ ส่วนบทลงโทษขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นไล่ออก และมีนักเรียนหลายคนถูกกักตัวและเรียนผู้ปกครองเพื่อมาปรับความเข้าใจในหลายโรงเรียน
มาดูกันว่า ราคาที่ผู้ปกครองต้องจ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ในการลดความเหลื่อมล้ำให้กับนักเรียนในโรงเรียนมีมูลค่าเท่าไรบ้าง
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของเครื่องแบบนักเรียน มีดังนี้
เสื้อนักเรียน 175-260 บาท/ชิ้น
ค่าปักเสื้อ 35-100 บาท/ตัว
เสื้อซับใน 40-85 บาท/ตัว
กระโปรงนักเรียน 275-380 บาท/ตัว
เข็มขัดนักเรียน 90-160 บาท/เส้น
ถุงเท้านักเรียน 20-40 บาท/คู่
รองเท้านักเรียน 279-310 บาท/คู่
รองเท้าผ้า 300-355 บาท/คู่
กระเป๋านักเรียน 190-350 บาท/ใบ
ชุดเนตรนารี/ยุวกาชาด 380-550 บาท/ชุด
ชุดพละ 350-500 บาท/ชุด
หมายเหตุ : ความแตกต่างของราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์ของสินค้า
เมื่อรวมราคาเฉลี่ยแล้ว ชุดนักเรียน 1 ชุดจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,400 – 2,040 บาท/ชุด ชุดเนตรนารี/ยุวกาชาด 380-550 บาท/ชุด ชุดพละ 350-500 บาท/ชุด รวมทั้งหมด 2,100 – 3,090 บาท เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับอายุการใช้งานของชุดเหล่านี้ที่มีอายุการใช้งานต่อครั้งเพียง 3 ปี เท่านั้นเนื่องจากในแต่ละระดับชั้นของการศึกษาก็จะมีรูปแบบของชุดที่แตกต่างกันออกไป
การยกเลิกชุดนักเรียนที่เคยมีในประวัติศาสตร์ประเทศอังกฤษที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของการกำหนดให้ใส่ชุดนักเรียนเลยก็ว่าได้ เหตุผลของการยกเลิกการใส่ชุดนักเรียนเกิดจากความเปลี่ยนแปลงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องแบบนักเรียนที่มีราคาแพงไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป หนึ่งในเหตุผลหลักมาจากความยากจนข้นแค้นหลังสงคราม ประกอบกับแนวคิดเสรีนิยมของคนหนุ่มสาวในช่วงทศวรรษ 1960 – 1970 ที่มองว่าการมีเครื่องแบบคือการกดขี่เสรีภาพ ต่อมาโรงเรียนหลายแห่งในยุโรปจึงยกเลิกระเบียบเครื่องแต่งกายลง
อย่างไรก็ตาม สถิติจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานระบุว่า ในรั้วของระบบการศึกษาไทย ยังคงมีเด็กนักเรียนกว่า 3,481,632 คนที่ยังขาดโอกาสสวมชุดนักเรียนไปเรียนและยังคงต้องสวมใส่เสื้อผ้าของตนเองไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือกับเพื่อนๆ หากยังมองว่าชุดนักเรียนสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ นั่นหมายความว่านักเรียนทุกคนต้องสามารถเข้าถึงชุดนักเรียนได้โดยไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว และชุดนักเรียนต้องมีราคาที่ไม่แพงเกินไปจนคนที่อยู่ในฐานะยากจนไม่สามารถเอื้อมถึงชุดที่สามารถลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นระเบียบวินัยนี้ได้