การบินไทย ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้บริษัทการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายกลาง โดยให้กระทรวงการคมนาคมสัดส่วนหุ้นต่ำกว่า 50% เพื่อให้การบินไทยพ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งวิธีดังกล่าวถือเป็นการช่วยให้การบินไทยล้มบนฟูกแบบนุ่มนวลที่สุด
โดยเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทการบินไทยและบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 12,017 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่การบินไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 และคาดว่าปีนี้จะขาดทุนสุทธิประมาณ 59,000 ล้านบาท ซึ่งการฟื้นฟูกิจการของการบริษัทไทยอาจต้องใช้เวลานานถึง 5 ถึง 10 ปี ส่วนตำแหน่งผู้บริหารบางตำแหน่งอาจต้องลดจำนวน ต้องปรับโครงสร้างภายในหน่วยงานด้วย รวมทั้งต้องใช้นโยบายองค์กรคุณธรรมมาบริหารจัดการอย่างเข้มงวด
ขณะที่นายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเปิดเผยว่าแม้ทางสหภาพฯจะมีจุดยืนคัดคัดค้านการแปรรูปจากรัฐวิสาหกิจไปเป็นเอกชน แต่ก็ต้องยอมรับสภาพ และหวังว่าอนาคตของการบินไทยจะกลับมาสดใสอีกครั้งภายในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ โดยเป็นที่คาดว่าการบินไทยอาจต้องลดเครื่องบิน 50 ลำและลดพนักงาน 5,000-10,000 คน ซึ่งในเวลานี้ยังไม่แผนการณ์ที่แน่ชัดว่าพนักงานที่ถูกปลดจะได้รับความช่วยเหลือด้านใดบ้าง
การบินไทยไม่ใช่สายการบินประจำชาติแห่งแรกในโลก ที่ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างหนัก สายการบินเจแปน แอร์ไลน์สของญี่ปุ่นเคยเป็นหนี้มากถึง 700,000 ล้านบาท จนต้องประกาศขอความคุ้มครองล้มละลายเมื่อปี 2010 รัฐบาลญี่ปุ่นในเวลานั้นต้องยอมอัดฉีดเงินกว่า 350,000 ล้านบาท พร้อมกับแต่งตั้งดร.คาซูโอะ อินาโมริ ผู้ก่อตั้งบริษัทเคียวเซร่ามารับตำแหน่งซีอีโอของสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส โดยดร.คาซูโอะก็เข้ามารับตำแหน่งโดยไม่ขอรับเงินเดือน พร้อมกับเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆในองค์กร และได้ปรับทัศนคติผู้บริหาร ลดพนักงาน ลดเงินเดือนพนักงานกว่า 15,000 คนและปรับโครงสร้างหน่วยใหม่ จากนั้นไม่นานเจแปน แอร์ไลนส์ก็กลับมาเติบโตและสร้างกำไรอีกครั้ง