“เงิน” เป็นเรื่องสำคัญและอาจเป็นสาเหตุให้คู่สมรสหลายๆ คู่ ตัดสินใจยุติชีวิตครอบครัวลง ซึ่งเป็นนป็นเรื่องน่าเศร้า หากความรักจะต้องจบลงโดยมีเงินเป็นตัวแปร การบริหารและวางแผนการเงินของครอบครัว จึงเป็นสิ่งที่คู่รักทุกคู่ต้องใส่ใจ เรามีแนวทางสำหรับการพูดจาเรื่องเงินๆ ทองๆ มาฝากกันค่ะ
ใช้หัวใจคุย
การวางแผนการเงินเริ่มได้ตั้งแต่คุณยังเป็นคู่รัก เพื่อคุณจะได้เห็นนิสัยการใช้เงินของอีกฝ่ายก่อนตัดสินใจแต่งงานกัน ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดปัญหา “กระเป๋าเงินของบ้านฉีก” แล้วถึงหันหน้ามาคุยกัน คุณและคนรักควรมีแผนการใช้จ่าย โดยกำหนดเป้าหมายเพื่ออนาคตร่วมกัน เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือเพื่อมีเจ้าตัวน้อยในอนาคต เมื่อคุณมีเป้าหมายร่วมกัน โดยมีความรักของคนทั้งคู่นำทาง การพูดคุยวางแผนรายรับ รายจ่าย และการออมเงินก็จะทำได้ง่ายและผ่อนคลายขึ้น หากจะให้ดีอาจกำหนดช่วงเวลาสำหรับการพูดคุยเรื่อง “กระเป๋าตังค์ของบ้าน” ไว้เป็นกิจวัตรประจำ เช่น วันแรกหลังเงินเดือนออก และอาจสร้างกติกาว่าจะไม่พูดเรื่องเงินในบางเวลา เช่น บนโต๊ะอาหาร หรือก่อนเข้านอน เป็นต้น
เปิดไม่ปิด
คู่สมรสบางคู่อาจไม่เปิดเผยถึงรายรับของตนเองให้คู่ได้รู้ แต่การเปิดเผยรายรับและรายจ่ายที่สำคัญให้คนรักของคุณได้ทราบ เป็นการแสดงความไว้วางใจและให้เกียรติกัน การปิดบังเรื่องเงินๆ ทองๆ อาจเป็นการบั่นทอนความไว้เนื้อเชื่อใจและทำลายความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องรายงานการใช้จ่ายเงินของคุณทุกบาททุกสตางค์ เพียงแต่ควรบอกกันก่อนหากจะซื้อของที่ราคาค่อนข้างแพงหรือกลายเป็นภาระผูกพันระยะยาว สิ่งเหล่านี้จะทำให้คู่สมรสรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ ที่สำคัญการทราบรายรับรายจ่ายที่แท้จริงของทั้งคู่ จะทำให้การวางแผนการเงินของคุณสัมฤทธิ์ผลอีกด้วย
จัดสรรการเงิน
ทำรายการค่าใช้จ่ายประจำทั้งหมดของครอบครัวที่คุณรู้ตัวเลขแน่นอน ตกลงกันว่าจะออมเงินเท่าไหร่ เงินออมไม่ควรน้อยกว่า 10 % ของรายรับ แล้วทำรายการอื่นๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายไม่ตายตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์ อย่าลืมบันทึกค่าใช้จ่ายไว้เป็นรายเดือนเพื่อจะได้ประมาณการณ์และกันเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายประเภทนี้ได้และต้องจัดสรรเงินเผื่อกรณีฉุกเฉินไว้ ซึ่งเงินสำรองฉุกเฉินควรมีอย่างน้อย 3-6 เดือนของรายรับ เพราะหากมีความจำเป็นเร่งด่วนคุณจะไม่เดือดร้อนหรือต้องมีหนี้สินเพิ่มขึ้น
แบ่งความรับผิดชอบ
ตกลงกันว่าใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านไหน เพราะแต่ละคนอาจมีความรู้ ความเข้าใจแต่ละเรื่องแตกต่างกัน แม่บ้านอาจดูเรื่องค่าใช้จ่ายจิปาถะ คุณพ่อบ้านดูแลเรื่องค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ประกัน ภาษี เป็นต้น หรืออาจสลับกันทำหน้าที่บ้างก็ทำให้ได้ทราบรายละเอียดต่างๆ ร่วมกัน
ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับที่จะทำให้กระเป๋าเงินของครอบครัวมีสุขภาพดี ซึ่งก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่มีปัญหา อย่างน้อยปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็จะหมดไป