ครม.ไฟเขียวพ.ร.ฎ.ให้อำนาจ รฟม. สร้างรถไฟฟ้ารางเบาในเชียงใหม่ และเส้นทาง สุราษฎร์ธานี-พังงา-ภูเก็ต วงเงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท คาดเริ่มก่อสร้างในปี 2563
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (11 ก.ย.) มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.ฎ.ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพังงา และจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. …. จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ และโครงการรถไฟสายใหม่เพื่อการท่องเที่ยว เส้นทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี-พังงา-ภูเก็ต
สำหรับรูปแบบรถไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการ จะมีลักษณะเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail Transit) และเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนภายใต้มาตรการ PPP Fast Track
“สาเหตุที่ต้องออกพ.ร.ฏ.ดังกล่าว เนื่องจากกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน กำหนดให้ รฟม.ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าได้เฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น ขณะที่กฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องยืนยันว่า รัฐบาลพยายามขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางหลักหรือเส้นทางรองที่เชื่อมโยงระหว่างจุดต่างๆที่สำคัญ”พล.ท.สรรเสริญกล่าว
เบื้องต้นโครงการรถไฟฟ้ารางเบาเชียงใหม่ จะมี 3 สาย ระยะทางรวม 35 กม. วงเงินลงทุนรวม 8 หมื่นล้านบาท ได้แก่ 1.สายสีแดง ระยะทาง 12.54 กม. (บนดิน 5.17 กม. ใต้ดิน 7.37 กม. ) มี 12 สถานี เส้นทาง โรงพยาบาลนครพิงค์-ศูนย์ราชการเชียงใหม่- สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ (พ้นเขตสนามบิน ใช้ทางวิ่งบนดิน) -กรมการขนส่งทางบก- ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีหางดง วงเงินลงทุน 24,256 ล้านบาท โดยจะดำเนินการก่อสร้างก่อนสายอื่น
2.สายสีน้ำเงิน ระยะทาง 11.92 กม. (บนดิน 3.15 กม. ใต้ดิน 8.77 กม. ) มี 13 สถานี วงเงินลงทุน 30,514 ล้านบาท และ3.สายสีเขียว ระยะทาง 10.47 กม. (บนดิน 2.55 กม. ใต้ดิน 7.92 กม. ) มี 10 สถานี วงเงินลงทุน 25,548 ล้านบาท ทั้งนี้ รฟม.คาดว่าจะเปิดประมูลและเริ่มก่อสร้างปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี หรือแล้วเสร็จในปี 2567
ส่วนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาเส้นทาง สุราษฎร์ธานี – พังงา – ภูเก็ต ซึ่งได้ข้อสรุปในส่วนของระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต มี 24 สถานี แนวเส้นทางเริ่มต้นจากบริเวณสถานีรถไฟท่านุ่น จังหวัดพังงา ผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตและสิ้นสุดที่บริเวณห้าแยกฉลอง จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 58.5 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 39,406 ล้านบาท ซึ่งรฟม.คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2563 และเปิดให้บริการภายในปี 2566