กลายเป็นกระแสร้อนแรงระหว่างผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทย และ ชาวกัมพูชา เมื่อมีแฮชแทก It is Cambodian Culture และ It is Thai Culture ที่ถกเถียงกันถึงเรื่องต้นกำเนิดของโขน หลังจากที่ประเทศไทย ได้ยื่นต่อยูเนสโก เพื่อขอจดทะเบียนโขนไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรม หลังจากที่กัมพูชา ได้ยื่นขอจดทะเบียน “โขน” ไปก่อนหน้านี้ และทางกระทรวงวัฒนธรรมไทย ก็ได้ยื่นเรื่องไปยังยูเนสโก เพื่อขอจดทะเบียนโขนไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้วยเช่นเดียวกัน
ซึ่งก็มีกระแสต่อต้านจากชาวกัมพูชา ที่ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่า กัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนโขนต่อยูเนสโกไปแล้ว การที่ไทยไปยื่นขอจดทะเบียนเป็นเรื่องที่ซ้ำซ้อน จนล่าสุดเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกหนึ่งครั้งในสังคมออนไลน์ทั้งไทย และ กัมพูชา
โดยฝั่งของผู้ใช้ทวิตเตอร์กัมพูชา ระบุว่า การแสดงโขนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของกัมพูชาที่ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโกแล้วตั้งแต่ปี 2554 และระบุว่าไทยเป็นผู้ขโมยศิลปะนี้ไปเป็นของตัวเอง รวมถึงนำหลักฐานต่างๆทั้งภาพถ่ายในอดีต หรือข้อมูลที่ปรากฏในวิกิพีเดียมายืนยัน ว่า โขน เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของกัมพูชา
https://twitter.com/NNearodey/status/1034992485905227777
I love my country ??❤️ @UNICEF@UNESCO#ItisCambodianCulture #ThisIsCambodiaCulture #Cambodia #ល្ខោនខោលជារបស់ខ្មែរ #ល្ខោនខោលខ្មែរ #CambodiaCulture pic.twitter.com/5neUEzbBmK
— muyyleangg (@dianaa_hongg) August 29, 2018
@UNESCO It is Cambodia culture, I swear! CAMBODIAN IS THE OWNER! We created this culture, Lakhon khol is a masked dance theatre that features enactment of the Reamker.We,Cambodian, really appreciate our culture.Don’t be fooled. Thanks u #ItisCambodianculture pic.twitter.com/XnOHw4Uc4d
— khemmony (@Khemmony_panha) August 29, 2018
ល្ខោនខោលជារបស់កម្ពុជា????#ItisCambodianCulture pic.twitter.com/DXBTAqWNsO
— Mark Tuan lyDa (@MssDa3) August 30, 2018
ด้านผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทยเองก็ได้โต้แย้ง โดยอ้างอิงข้อมูลว่า โขนเป็นวัฒนธรรมร่วมในภูมิภาคที่ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย ซึ่งแต่ละชาติก็ได้นำไปปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมตัวเอง และยังเสริมข้อมูลว่า ย้อนกลับไปในสมัยที่กัมพูชาได้ถูกกวาดล้างทางวัฒนธรรม และไทยได้ส่งคนไปช่วยฟื้นฟู ซึ่งก็มีการนำโขนไทยไปฟื้นฟูอีกด้วย และยังได้อ้างอิงถึงหลักฐานที่ถูกบันทึกทางประวัติศาสตร์อีกด้วย
https://twitter.com/TwittwitD/status/1034787141287665667
If you think it is your country
Why Thai people do it beautiful more than your country? What is Lakhorn Khol from? Please give me an academic document 🙂 #ItisThaiCulture pic.twitter.com/bNXbynISxu— 想回家了 (@PalmHolic) August 29, 2018
วัฒนธรรมกัมพูชาในรอบ 200 ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันใกล้ชิดกับวัฒนธรรมไทยมาก เนื่องจากกัมพูชาถูกทำลายล้างทางวัฒนธรรมถึงสองครั้ง
ครั้งแรกเกิดในช่วงร.3 ของไทย โดยเวียดนาม
ครั้งสองเกิดระหว่าง 2518-2522 โดยเขมรแดง
แต่ละครั้งได้ใช้แบบแผนของไทยในการฟื้นฟู#ItisThaiCulture
— ขุนเดชวิทยายุทธ (@dejdanaisupa) August 29, 2018
เรื่องโขน
ปัจจุบันเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ว่าโขนเกิดขึ้นครั้งแรกที่ใด และในยุคใดแน่ แต่โขนมีพื้นฐานจากศาสนาผี ผสานวรรณกรรมฮินดู
ส่วนโขนในปัจจุบันทั้งในไทย กัมพูชา ลาว พม่า เป็นโขนแบบแผนอยุธยา และแตกแขนงออกไปยังดินแดนต่างๆ ตามอำนาจทางการเมืองของรัตนโกสินทร์#ItisThaiCulture
— ขุนเดชวิทยายุทธ (@dejdanaisupa) August 29, 2018
จากเว็บของ UNESCO เองก็บอกว่าไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวถึงจะขอได้ ถ้ามันมีคุณค่าต่อชุมชนนั้นๆ ถึงมันจะไปคล้ายของคนอื่น มันก็มีคุณค่าที่จะอนุรักษ์ ตามคำจัดความในข้อ 2 Inclusive และ 4 Community Based #ItisThaiCulture
pic.twitter.com/2AgZor4h2v pic.twitter.com/2kkEIi4D9U— เพิงหมาแหงน ? (@TheSmilingHut) August 29, 2018
สำหรับการยื่นขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมนั้น ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ เคยกล่าวไว้เมื่อตอนยื่นขอขึ้นทะเบียนโขน และมรดกทางวัฒนธรรมอื่นๆของไทยว่า การขึ้นทะเบียนนั้น ไม่ได้พูดถึงความเป็นเจ้าของ แต่เป็นการบ่งบอกว่าวัฒนธรรมนั้นๆควรค่าแก่การอนุรักษ์ และทางยูเนสโกไม่ได้ห้ามขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนเอง ทั้ง ไทย กัมพูชา เมียนมาร์ หรือ ลาว ต่างก็มีการแสดงในลักษณะคล้ายๆกันอยู่แล้ว แต่จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่
สำหรับการยื่นขอจดทะเบียนโขนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยนั้น ยื่นไปตั้งแต่ 1 มีนาคม 2560 และจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตรวจสอบภายในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2561 และยูเนสโกจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาคำขอ และจะทราบผลภายในเดือนธันวาคม 2561 จากนั้นก็จะประกาศขึ้นทะเบียนในปี 2562