ตำรวจตั้ง 4 ข้อหาหนัก “บังฟัต” โทษสูงสุดประหารชีวิต คาดออกหมายจับได้ภายใน 19 ก.ค.นี้ ระบุ ทีมฆ่ายกครัว 8 ศพ มี 9 คน เป็นหญิง 1 คน ด้าน “บังฟัต” สารภาพ แรงจูงใจในการก่อคดีโหด ทำเลียนแบบหนังฝรั่ง ทั้งอำพรางเจ้าหน้าที่ และสร้างเรื่องก่อนลงมือ เผย “สุทธิพงศ์” เป็นศพแรกเพราะคนแข็งแรงสุด ที่เหลือยิงรวดเดียว 7 ศพก่อนเผ่นหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีฆ่า 8 ศพ ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร จ.กระบี่ ว่าขณะนี้ชุดคลี่คลายคดีกำลังคัดกรองคนร้ายที่ควบคุมตัวมาเพื่อรอการดำเนินคดีทั้งหมด โดยจนถึงขณะนี้สามารถควบคุมตัวมาได้แล้วรวม 9 ราย แบ่งออกเป็นทีมปฏิบัติการที่เข้าไปก่อเหตุ เป็นชาย 7 ราย และผู้หญิง ซึ่งเป็นกิ๊กของ “บังฟัต” 1 ราย ที่ไม่ได้เข้าไปในที่เกิดเหตุ แต่เป็นคนคอยสนับสนุนซื้อชุดลายพราง พร้อมทั้งจัดหาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ก่อเหตุและเหยื่อ ส่วนคนร้ายอีก 1 คนเป็นชายเจ้าของรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ ที่คนร้ายใช้ในคืนที่ก่อเหตุก็ถูกควบคุมตัวมาด้วยเช่นกัน จากการสอบสวนเบื้องต้นชายคนดังกล่าวอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุบังฟัตมาขอเช่ารถคันดังกล่าวโดยอ้างว่าจะนำไปใช้งานเท่านั้นซึ่งตนก็ไม่คาดคิดว่าจะนำไปก่อเหตุดังกล่าว
สำหรับข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งต่อคนร้าย ประกอบด้วย ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวโดยทำร้ายจิตใจผู้อื่น, แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต นอกจากนี้ยังมีข้อหาย่อยอื่นๆ จะแจ้งต่อผู้ต้องหาบางรายด้วย
ทางด้าน พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหารตาม ม.44 โดยขณะนี้ทางผู้เกี่ยวข้องกำลังเร่งรวบรวบพยานหลักฐานที่มีความคืบหน้าไปเกิน 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว และมั่นใจว่าไม่เกินวันที่ 19 ก.ค. จะสามารถขออำนาจศาลจังหวัดกระบี่ ออกหมายจับผู้ต้องหาทุกคนได้
“ได้กำชับให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำของผู้ต้องสงสัยอีก เพื่อให้พยานหลักฐานครอบคลุมครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ตลอดจนขยายผลว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยการลงพื้นที่ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคแต่อย่างใด ส่วนประเด็นการสังหารโหดครั้งนี้ ยังเป็นเรื่องรับจำนองที่ดินระหว่างนายวรยุทธกับบังฟัต ส่วนรายละเอียดว่าบังฟัต มีศักยภาพเพียงพอในการรับจำนองที่ดินเองหรือไม่ เป็นรายละเอียดสำนวนการสอบสวน” รอง ผบ.ตร. กล่าว
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนขณะนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น แต่ยืนยันว่าหากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดก็จะมีการดำเนินคดีอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบปากคำนายจักร อายุ 37 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพกับทีมสืบสวนว่า มีอาชีพรับจ้างกรีดยางและทำงานก่อสร้าง โดยก่อนหน้าที่จะเข้าไปปฏิบัติการครั้งนี้เคยได้รับการติดต่อจากบังฟัตให้เข้าไปทวงหนี้นายวรยุทธมาแล้ว 2 ครั้ง ทุกครั้งจะมีลูกน้องบังฟัตเดินทางไปด้วยครั้งละ 5-6 คน แล้วแต่บังฟัตจะเรียกหาให้มาช่วยงาน โดยทีมงานทวงหนี้จะได้ค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาทต่อคน ซึ่งการทวงหนี้ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่สำเร็จ และบังฟัตไม่ได้สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าเหมือนครั้งนี้
“ครั้งนี้ผมและพวกได้รับการติดต่อจากบังฟัตอีกครั้ง โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีการฆ่ากันตายมากขนาดนี้ และบังฟัตก็ไม่เคยบอกมาก่อนว่าจะมีแผนฆ่าถึง 8 ศพ” นายจักร ให้การ
นายจักรยังให้การอีกว่า ในวันเกิดเหตุบังฟัตได้นัดให้ทุกคนแต่งชุดทหารเหมือนกับทุกครั้ง โดยให้เรียกบังฟัตว่าผู้พัน ส่วนอีก 4 คนรวมทั้งตนให้เรียกว่า “จ่า” อีกคนให้เรียกว่า “ผู้กอง” คนสุดท้ายเรียกว่า “หมวด” เพื่อแสดงตัวตนว่าเป็นทหารให้คนในบ้านนายวรยุทธเข้าใจผิดและเกิดความกลัว
“บังฟัตให้ผมยืนเฝ้าอยู่หน้าบ้าน และเป็นคนกวักมือเรียกให้เหยื่อคนอื่นๆ ที่มาภายหลังให้เข้าไปในบ้านเพราะไม่อยากให้ไปบอกคนอื่นว่ามีเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นบ้าน และไม่คิดว่าจะมีเหตุร้าย จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงค่ำจึงได้ยินเสียงปืนนัดแรก ตกใจมาก ก่อนที่บังฟัตจะลั่นไกยิงเหยื่อทีละคน” นายจักร กล่าวให้การ
ส่วนการสอบปากคำ “บังฟัต” ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ในค่ายทหาร ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ให้การว่า พยายามที่จะเบี่ยงประเด็นการสังหารให้เป็นเรื่องความเครียดในเรื่องหนี้สินของนายวรยุทธ จึงก่อเหตุฆ่ายกครัวแล้วฆ่าตัวตายตาม ซึ่งปกติตนจะเป็นคนชอบดูภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน ฆาตกรรมซ่อนเงื่อน จึงได้นำพล็อตเรื่องและเทคนิคของคนร้ายในภาพยนตร์ต่างประเทศมาใช้ในการหลอกล่อเจ้าหน้าที่มาประยุกต์ใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้ นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุได้มีการวางแผนหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ รวมทั้งเอาเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดในบ้านไปทำลายด้วย
ชุดสืบสวนระบุด้วยว่า กลุ่มบังฟัตมีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้และออกทวงหนี้ในพื้นที่ จ.กระบี่ พังงา ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช มาตั้งแต่ปี 2555 หากลูกหนี้รายไหนไม่ยอมจ่ายหนี้ก็จะนำกลุ่มลูกน้องเข้าทวงหนี้โดยสวมเครื่องแบบชุดลายพรางติดอาวุธครบมือ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมไม่คืนโฉนดที่ดินหลังลูกหนี้นำเงินมาไถ่ถอนอยู่หลายครั้ง จนทำให้มีฐานะร่ำรวยขึ้นมีทั้งเงินสด ที่ดิน และบ้านอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคใต้