หลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้เปิดเผยว่า จะมีการย้าย เมืองหลวงอินโดนีเซีย จากกรุงจาการ์ตาไปอยู่ที่จังหวัดกาลิมันตัน ตะวันออก บนเกาะบอร์เนียว
โดยสาเหตุหลักๆมาจากที่กรุงจาการ์ตา มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากกว่า 10 ล้านคน การอยู่อาศัย หรือการเดินทางค่อนข้างจะแออัด ซึ่งจากการจัดทำสถิติเมืองหลวงที่รถติดที่สุดในโลกโดยสำนักข่าวCNN เมื่อเดือนตุลาคม 2561ที่ผ่านมา จาการ์ตาถูกจัดเป็นเมืองหลวงที่มีรถติดที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 4
อีกทั้งนักวิจัยได้วิเคราะห์ว่าจาการตาร์กำลังจะเป็นเมืองที่จมน้ำเร็วที่สุดในโลก เร็วกว่ากรุงเทพมหานครที่ถูกจัดอยู่อันดับ 5 ทั้งนี้กรุงจาการ์ตามีอัตราการจมน้ำ 25 เซนติเมตรต่อปี สืบเนื่องจากพื้นที่เกือบครึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาจากาตาร์จมน้ำทะเลไปแล้ว 4 เมตร โดยทางตอนเหนือของเมืองจมไปแล้ว 2 เมตครึ่งในระยะเวลาเพียง10ปี และมีการคาดการณ์ไว้ว่าในปี 2050 ทางตอนเหนือจะอยู่ใต้น้ำถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และในอนาคตไม่เกิน 40 ปีกรุงจากาตาร์จะจมน้ำเกือบทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์
ปัจจัยอีกข้อที่เร่งให้มีการทรุดตัวเร็วอีกส่วนคือ การขุดน้ำบาดาลขึ้นมาใช้อย่างไม่มีการควบคุม สืบเนื่องมาจากรัฐบาลจัดสรรน้ำไม่เพียงพอ ทำให้มีประชาชนหลายส่วนต้องแอบขุดเจาะขึ้นมาใช้เอง
สำหรับเมืองกาลิมันตันตะวันออก ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศอินโดนีเซีย ห่างจากเมืองหลวงเดิมประมาณ 1,400 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดภัยธรรมชาติเพราะห่างไกลจากแนวภูเขาไฟ และไม่มีแผ่นดินไหว
ขณะที่เกาะชวาที่ตั้งกรุงจากาตาร์อยู่ในแนวภูเขาไฟที่ยังมีภูเขาไฟที่พร้อมปะทุอยู่ถึง 45 แห่ง ซึ่งเกาะบอร์เนียวมีภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุเพียงแค่แห่งเดียว
หลายฝ่ายเกิดข้อกังวลว่าการย้ายเมืองหลวงครั้งนี้อาจะส่งผลกระทบกับระบบธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เพราะกาลีมันตันตะวันออก เป็นพื้นที่ป่าดิบชื้นเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เช่น ลิงอุรังอุตัง หมีหมา ลิงจมูกยาว แต่รัฐบาลรับปากว่าการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่จะไม่กระทบไปในเขตคุ้มครองหรือเขตอนุรักษ์
กรุงจาการ์ตา
เกาะบอร์เนียว
อ่านข่าว Bright Today