น้ำมันดิบ WTI ลดลงต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐ เป็นวันที่ 2 หลังกังวลสต๊อกน้ำมันสหรัฐพุ่ง เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน
เมื่อคืนวานนี้ (18 ต.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย กรณีการหายตัวไปของนักข่าวซาอุดีอาระเบีย และจับตาผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในวันที่ 4 พ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับผลกระทบ จากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลงไปกว่า 300 จุด ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดที่ 68.65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.1 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 1.6% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 79.29 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.76 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.94% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 78.26 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 1.82 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 2.27%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19 ต.ค.ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากกว่า 1% หลังตลาดมีความกังวลต่อผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและกดดันอุปสงค์น้ำมันโลก ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกปี 2561 และ 2562 ลงจาก 3.9% เป็น 3.7%
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 4 สัปดาห์ ส่วนกรณีซาอุดิอาระเบียประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 300,000 บาร์เรล/วัน เพื่อชดเชยอุปทานที่ลดลงจากการประกาศใช้นโยบายคว่ำบาตรอิหร่านนั้น ตลาดยังคงกังวลว่ากำลังการผลิตที่ปรับเพิ่ม จะทดแทนอุปทานน้ำมันดิบที่หายไปจากอิหร่านได้หรือไม่
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 67-72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 78-83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล