จากกรณีที่ ตม.ของสนามบินนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี คุมตัว “อดีตพระพรหมเมธี” หรือ นายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ หลังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับฐานร่วมกันฟอกเงิน คดีทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งหลบหนีไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุด ผบ.ตร. นำหลักฐานเข้าชี้แจงข้อมูลกับทางการเยอรมนีหลัง “อดีตพระพรหมเมธี” ยื่นขอลี้ภัยไปก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องดูว่าในวันพรุ่งนี้ตามกำหนดการที่จะกลับมาประเทศไทยในวันที่ 6 มิ.ย. จะสำมารถนำตัวกลับมาได้หรือไม่
เทป–อ่านต่อ // กรณีการติดตามตัว “อดีตพระพรหมเมธี” หรือ พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด ที่หลบหนีเมื่อกลางดึกวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเยอรมนีประสานมาทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทย คุมตัว “อดีตพระพรหมเมธี” ได้ที่สนามบินนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต หลังไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากเป็นบุคคลตามหมายจับที่ตำรวจไทยประสานตำรวจสากลเอาไว้
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า เมื่อ “อดีตพระพรหมเมธี” เดินทางถึงเยอรมนี ได้ยื่นคำร้องขอลี้ภัยกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเยอรมนี ซึ่งขณะนี้ ตม.เยอรมนี ส่งคำร้องขอลี้ภัยของ “อดีตพระพรหมเมธี” ไปยังสำนักงานดูแลผู้อพยพและผู้ลี้ภัยแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BAMF) แล้ว โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องสัมภาษณ์ สอบประวัติ เเละซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุที่ยื่นคำขอลี้ภัย ทั้งนี้ คณะของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ประสานเพื่อรับตัว “อดีตพระพรหมเมธี” กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ถูกทางการเยอรมนีกันไม่ให้พบตัว “อดีตพระพรหมเมธี” เนื่องจากเหตุผลเพื่อคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของผู้ยื่นคำขอลี้ภัย และเมื่อ “อดีตพระพรหมเมธี” ยื่นคำขอลี้ภัยแล้วจะได้รับความคุ้มครองตามกฎเกณฑ์ว่าด้วยผู้ลี้ภัยทันที ดังนั้น คณะของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กำลังเตรียมหลักฐานชี้แจงกับทางการเยอรมนี ว่า “อดีตพระพรหมเมธี” เป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการกลั่นแกล้งอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าหลักฐานทั้งหมดจะสามารถหักล้างและนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยได้ต่อไป
สำหรับหลักเกณฑ์การขอลี้ภัยในประเทศเยอรมนี สามารถยื่นคำขอได้หากเข้าหลักเกณฑ์ดังนี้ 1.การขอลี้ภัยทางการเมือง // 2.การขอลี้ภัยในประเภทฐานะผู้ลี้ภัย // 3.การขอรับความคุ้มครองเพียงบางส่วน และ 4.การขอคุ้มครองเพื่อไม่ให้ถูกส่งไปยังประเทศต้นทาง
ซึ่งคำขอลี้ภัยทางการเมืองจะเป็นประเภทที่ 1 เนื่องจากถูกละเมิดเสรีภาพทางศาสนา ความเชื่อทางการเมือง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่มีความร้ายแรง ส่วนประเภทที่ 2 คำขอลี้ภัยในฐานะผู้ลี้ภัย จะเป็นกรณีขอลี้ภัยจากเหตุผลถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีหรือถูกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมในด้านการเมือง ศาสนา เชื้อชาติ ซึ่งละเมิดพื้นฐานความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง โดยกรณีของ “อดีตพระพรหมเมธี” คาดว่าจะยื่นคำขอลี้ภัยประเภท 1 หรือ 2 ทั้งนี้สำหรับประเทศไทยไม่จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เป็นรัฐต้นทางที่มีความปลอดภัย (Safe States Of Origin) ตามหลักเกณฑ์ของเยอรมันในการพิจารณาคำขอลี้ภัย โดยส่วนหนึ่งคำนึงว่าประเทศนั้นมีประชาธิปไตยหรือถูกปกครองโดยเผด็จการ
ส่วนสาเหตุที่คำร้องขอลี้ภัยที่พระพรหมเมธีได้รับการพิจารณานั้นเนื่องจากประเทศเยอรมนีต้องปฎิบัติตาม “ระเบียบดับลิน” (Dublin Regulation) เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยของสหภาพยุโรปและต้องปฎิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย ค.ศ.1951 ที่เยอรมนี เป็นภาคีสมาชิกซึ่งเป็นพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาอีกด้วย เเม้ว่าคำขอลี้ภัยของ “อดีตพระพรหมเมธี” จะถูกปฎิเสธ “อดีตพระพรหมเมธี” จะยังมีสิทธิยื่นคำขออุทธรณ์ต่อไปได้อีก โดยระยะเวลาในการพิจารณาคำขอใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจองตั๋วเครื่องบินในเที่ยวกลับของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG921 จำนวน 14 ที่นั่ง โดยเป็นการจองแบบบล็อกทั้งโซน ซึ่งเป็นรูปแบบการจองตั๋วเพื่อเตรียมนำตัวผู้ต้องหากลับประเทศ หากขั้นตอนการส่งกลับไม่ผิดพลาด คาว่าน่าจะเดินทางกลับด้วยเที่ยวบินดังกล่าวถึงไทยในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.61)