ปฏิบัติการว.5 หรือ ปฏิบัติราชการลับ ของกองกำลังเจ้าหน้าที่จาก 5 หน่วยงานหลักส่วนกลาง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข ได้ประสาน เพื่อบุกค้นจู่โจม หลังสืบทราบว่า มีโรงงานขยะรีไซเคิลกากขยะอุตสาหกรรมที่ต้องห้าม แต่กลับมีการลักลอบนำมาแปรรูป ภายในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และเป็นบริษัทของนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่อาศัยพื้นที่ในไทยดำเนินการ ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสภาวะสิ่งแวดล้อมในประเทศ
แผ่นอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกหลอมด้วยเตาหลอมที่มีสารตะกั่วไหลออกมา ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการแปรรูปแผงวงจรไฟฟ้า จากกากขยะอุตสาหกรรมที่โรงงานแห่งนี้ ที่ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศผ่านทางเรือ ก่อนที่จะลำเลียงมายังโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในจ.ฉะเชิงเทรา ภายใต้ชื่อ บริษัทดับบลิว เอ็ม ดี ไทย รีไซคลิ้ง จำกัด ของนักลงทุนจากจีน ในพื้นที่ 100 ไร่ ที่มีรั้วรอบขอบชิด พบขยะอุตสาหกรรมใส่ถุงบิ๊กแบ็กวางตากแดดอยู่บนพื้นดินรอบๆ เป็นจำนวนมากและมีโกดังโรงงานคัดแยก ประมาณ 4 ไร่
เจ้าหน้าที่คอมมานโดบุกเข้าค้นในโรงงาน พบคนงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา และลาว ประมาณ 250 คน กำลังทำคัดแยก แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และขยะอุตสาหกรรม ตำรวจและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมจึงเข้าตรวจสอบเพื่อหาแหล่งที่มาในการนำเข้า เพราะถือว่าเป็นขยะอันตราย ที่ประเทศไทยไม่อนุญาต
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. เผยว่า เบื้องต้นโรงงานแห่งนี้มีความผิด 2 ข้อหา 1. ประกอบการแปรรูปขยะอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 2. ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการทำลายขยะอุตสาหกรรม ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พร้อมสั่งขยายผลว่า บุคคลใดเป็นเจ้าของโรงงาน
ขณะที่ สุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานแห่งนี้ไว้ชั่วคราว หลังพบโรงงานมีการจัดการที่ผิดสุขลักษณะ และต้องแก้ไขให้ถูกต้อง หากยังฝ่าฝืนมีความผิดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมให้อุตสาหกรรมจังหวัดตรวจสอบ ตั้งแต่การขอใบอนุญาตประกอบโรงงาน การนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการทำลายขยะอุตสาหกรรม รวมถึงรายละเอียดทั้งหมดว่าผิดอะไรบ้าง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
มีรายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทแห่งนี้มีการประกอบกิจการทั้งหมด 3 โรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันและใกล้กับที่พักอาศัยของประชาชนในละแวกนี้
โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่ลงพื้นที่ได้ตรวจสุขภาพพนักงานทุกคน เพื่อวัดอันตรายจากสารพิษที่่เข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ไม่มีระบบกรองอากาศ และระบบกำจัดมลภาวะ ขณะที่ชาวบ้าน บอกว่า ที่ผ่านมา มีกลิ่นเหม็นไหม้เป็นระยะๆ ทำให้แสบจมูก แสบคอ แต่ไม่แน่ใจว่ามาจากโรงงานไหน แต่ก็อยากให้แก้ไข
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กรมโรงงานเผยว่า ในจ.ฉะเชิงเทรายังมีโรงงานในลักษณะนี้อีก 10 โรงที่ได้รับอนุญาต จึงสั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบ เพื่อหากพบความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทันที
