“พาณิชย์” เผยตัวเลขส่งออกต.ค.โต 6.68% คาดทั้งปีส่งออกโตแตะ 9% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมระบุต่างชาติเชื่อมั่นประเทศ หลังเลือกตั้งชัดเจน

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนส.ค.2561 ว่า ขยายตัว 6.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 ด้วยมูลค่า 22,794 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าการส่งออกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 23,382 ล้านเหรียญสหรัฐขยายตัว 22.8% ทำให้เดือนส.ค.2561 ไทยดุลการค้าขาดดุล 588 ล้านเหรียญสหรัฐ

“การส่งออกในเดือนส.ค. พบว่าการส่งออกไปยังตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ขยายตัวได้ในระดับสูง ส่วนการส่งออกไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐ ในเดือนนี้กลับมาเป็นบวกเล็กน้อยที่ 0.6% จากเดือนก่อนที่ติดลบ, ตลาดยุโรป ลดลง 4.3%, ตลาดจีน ขยายตัว 2.3% และตลาดญี่ปุ่น ขยายตัว 14.6%” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

ทั้งนี้ หากพิจารณาสินค้าเป็นรายกลุ่มพบว่า สินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ขยายตัว 5.8% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 โดยสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ ผลิตภัณฑ์รักษาผิว เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ส่วนสินค้ากลุ่มเกษตรและอตุสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 4.1% โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ผัก ผลไม้สดแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องดื่ม และข้าว

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า สำหรับการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปี 2561 (ม.ค.-ส.ค.2561) มีมูลค่า 169,030 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10.03% และทั้งปีการส่งออกมีโอกาสที่จะขยายตัวได้สูงถึง 9% ด้วยมูลค่าประมาณ 2.57 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และสูงกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าว่าการส่งออกปี 2561 จะขยายตัว 8% เนื่องจากการส่งออกยังมีสัญญาณเป็นบวก จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง

“ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก และดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขัน ไตรมาส 4/2561 ที่ยังสูงกว่าระดับปกติที่ 50 สะท้อนว่าผู้ส่งออกมีความเชื่อมั่นว่าการส่งออกของไทยจะยังขยายตัว แม้จะมีความกังวลต่อเสถียรภาพนโยบายการค้าของประเทศมหาอำนาจ และความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่บ้าง ซึ่งการส่งออกของไทยที่กระจายตัวไปยังตลาดใหม่ๆ จะช่วยลดทอนความเสี่ยง และผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวลงได้”น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

น.ส.พิมพ์ชนก ยังกล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้นว่า เป็นผลจากที่นักลงทุนต่างประเทศมีความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานเศรษฐกิจไทย จึงนำเงินเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และจากที่ได้มีการหารือกับนักลงทุนต่างประเทศในหลายบริษัท เช่น จีน สหรัฐ และสหภาพยุโรป ได้เริ่มหันมาสนใจการลงทุนในไทยมากขึ้น โดยมองว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพมากกว่าประเทศอื่นๆ ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการดึงดูดการลงทุนของต่างชาติ เช่น การลงทุนอีอีซี

นอกจากนี้ โรดแมปการเลือกตั้งที่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ และนำเงินเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า