ในขณะที่บ้านเราถูกถาโถมด้วยพายุ ‘ปาบึก’ ฝั่งยุโรปก็อ่วมไม่แพ้กันจากสถานการณ์ ‘พายุฤดูหนาว’ ถล่มประเทศที่อยู่ในแถบเทือกเขาแอลป์ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตกว่าสิบคน และอีกหลายร้อยคนต้องต้องติดอยู่ท่ามกลางกองหิมะและลมกรรโชก!
ช่วงเวลาที่ประเทศไทยเตรียมพร้อมรับมือกับพายุปาบึกจนสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ทางยุโรปก็ต้องเผชิญกับพายุฤดูหนาวที่หนักหน่วงในช่วงวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา และยังไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์นี้จะสิ้งสุดลง โดยผู้คนหลายร้อยคนในประเทศแถบเทือกเขาแอลป์ (Alpine) ต้องติดอยู่ท่ามกลางกองหิมะ และได้มีการเตือนถึงความเสี่ยงที่เป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดเหตุการณ์หิมะถล่ม ซึ่งพื้นที่บางส่วนของแถบสแกนดิเนเวียต้องถูกปล่อยให้ไร้กระแสไฟฟ้า ลมที่กรรโชกแรงก็ทำให้เกิดความล่าช้าและการยกเลิกเที่ยวบินในเนเธอร์แลนด์เนื่องจากสภาพอากาศหนาวอย่างต่อเนื่องที่ซัดกระหน่ำทวีปยุโรปเมื่อวานที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานด้วยว่ามีประชาชนอย่างน้อย 13 คนตายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากสภาพอากาศอันเลวร้ายนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากเหตุการณ์หิมะถล่ม โดยที่ประเทศนอร์เวย์ความพยายามในการค้นหาร่างของนักสกี 4 คน ถูกระงับอีกครั้ง เนื่องจากทัศนวิสัยอันเลวร้ายและหิมะที่ตกหนัก ทั้งนี้ มีการสันนิษฐานว่า หญิงชาวสวีเดนวัย 29 ปี และชาวฟินแลนด์อีก 3 คน (อายุ 29, 32 และ 36 ปี) น่าจะเสียชีวิต หลังเกิดเหตุหิมะที่กว้างขนาด 990 ฟุต ชนหุบเขาทาโมค (Tamok) ใกล้กับเมืองทางตอนเหนือของทรอมโซ (Tromsoe) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในโรมาเนีย ตำรวจพบศพแช่แข็งของชายอายุ 67 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 ม.ค.) ในโรงจอดรถทางตอนใต้ของเมือง Slatina หลังจากที่ภรรยาของเขาแจ้งว่าสามีไม่ได้กลับจากทำงานเมื่อวันก่อน โดยอุณหภูมิในโรมาเนียลดลงเหลือติดลบ 24 องศาเซลเซียส (หรือติดลบ 11.2 ฟาเรนไฮต์)
ส่วนที่ออสเตรียประชาชนหลายร้อยคนติดอยู่ในบ้านเนื่องจากถนนถูกปิดกั้น และบางภูมิภาคประสบปัญหาไฟฟ้าดับหลังจากต้นไม้ถูกปกคลุมด้วยหิมะและมีผลกระทบต่อสายไฟ นอกจากนี้ โรงเรียนในบางภูมิภาคของออสเตรียยังคงปิดทำการเป็นวันที่สอง และเจ้าของบ้านได้รับคำแนะนำให้เอาหิมะออกจากหลังคาบ้านด้วยหลังจากอาคารหลายหลังพังลงมา ซึ่งพบว่ามีชายอายุ 78 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากตกหลังคาบ้านของตัวเองในเมือง Turrach ขณะกำลังกำจัดหิมะออกจากหลังคา
ทางด้านเยอรมนี ในคืนวันจันทร์ (7 ม.ค.) นักเดินป่าชาวเยอรมัน 11 คน ต้องขอความช่วยเหลือจากชาวเขาในเคบินใกล้เมือง Salzburg หลังจากหิมะตกโดยไม่มีไฟฟ้าและมีอาหารเพียงเล็กน้อยตั้งแต่วันศุกร์ ซึ่งหลายคนถูกฆ่าโดยหิมะถล่มในไม่กี่วันที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่เตือนว่าจำนวนหิมะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกำลังเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีหิมะถล่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งในขณะที่ภาคใต้และภาคตะวันออกของเยอรมนีผู้คนต่างเตรียมพร้อมรับปริมาณหิมะที่เพิ่มมากขึ้น เมืองชายฝั่งทางเหนือของฮัมบูร์ก (Hamburg) ประชาชนกลับกำลังเตรียมรับมือกับมรสุมทางน้ำที่อาจกระหน่ำ เนื่องจากพายุฤดูหนาว
มาที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเนเธอร์แลนด์ สนามบิน Schiphol อันคึกคักของอัมสเตอร์ดัม ได้มีการออกประกาศเตือนถึงความล่าช้าและการยกเลิกเที่ยวบิน โดยสายการบิน KLM ได้ยกเลิก 159 เที่ยวบินที่มีจุดหใยปลายทางในยุโรปทั้งไปและกลับ
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าในพื้นที่ชายฝั่งทะเลทางตะวันตกเฉียงเหนือของเนเธอร์แลนด์จะได้รับผลกระทบจากลมแรงและทะเลที่บ้าคลั่งรุนแรงที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับน้ำ ของ Noorderzijlvest กำลังเริ่มตรวจสอบกำแพงกั้นน้ำเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพายุได้พัดกระหน่ำจนทำให้ตู้คอนเทนเนอร์เกือบ 300 ตู้ร่วงลงจากเรือสินค้า โดยหลายตู้ยังคงค้างอยู่ในทะเล แถมบางส่วนนั้นแตกและเปิดออกจนสินค้าที่อยู่ภายในกระจัดกระจายเกลื่อนทะเล ซึ่งหากสินค้าที่อยู่ในตู้หรือแม้แต่ตัวตู้คอนเทนเนอร์เองถูกคลื่นซัดมากระแทกกับกำแพงกั้นน้ำก็อาจทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้
ขณะเดียวกัน ในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ โรงเรียนในกรีกและพื้นที่โดยรอบหลายแห่งยังคงปิดทำการเนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ หลังจากหิมะปกคลุมกรุงเอเธนส์ โดยทางตอนเหนือของประเทศและในพื้นที่ที่เป็นภูเขามีหิมะตกหนัก อุณหภูมิวัดได้ถึงลบ 20 องศาเซลเซียส (ลบ 5 องศาฟาเรนไฮต์) และมีหิมะตกในหมู่เกาะหลายแห่งด้วย นอกจากนี้มีรายงานว่าศาลในกรุงเอเธนส์ยังคงปิดทำการ มีเพียงการว่าความคดีเล็กๆ อย่างรวดเร็วเท่านั้น และถนนในชนบทบางแห่งโดยเฉพาะสายที่ทอดยาวไปถึงภูเขาซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงก็ปิดให้บริการตลอดคืนจนถึงเช้าตรู่
อย่างไรก็ตาม หิมะที่ตกหนักและลมกรรโชกแรงที่พัดผ่านบริเวณสแกนดิเนเวียตอนกลางได้เป็นอุปสรรคขัดขวางความพยายามการแก้ไขปัญหากระแสไฟฟ้าในพื้นที่ดับ หลังจากที่พายุอันรุนแรงพัดผ่านยุโรปเหนือเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา โดยสื่อของสวีเดนรายงานว่ามีอุบัติเหตุชนกันเล็กน้อยของยานพาหนะตามถนนหลายสาย แต่ยังถือว่าไม่รุนแรงและเป็นเหตุปกติที่เกิดขึ้นได้สำหรับฤดูกาลนี้ ทำให้พื้นที่ส่วนนี้ของยุโรปยังถือว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก
ที่มา: www.euronews.com และ www.time.com