เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้นำตัวนายพงษ์อนัน คณะเขตต์ หรือบอล จำเลยที่ 1 นายสมประสงค์ สร้อยจิต จำเลยที่ 2 นายภานรินทร์ หาญพัฒนาเจริญ จำเลยที่ 3 นายอะตาผะ แลแม จำเลยที่ 4 มาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พร้อมด้วยนายลาภชูลาภ เงินเต็มเปี่ยม หนึ่งในจำเลยที่ได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ มาฟังคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ อาบอบนวดนาตารี หลังพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 2 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพงษ์อนัน กับพวกรวม 6 คนซึ่งเป็นจำเลย ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ โดยนำพาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อ การอนาจารโดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีด้วยวิธีฉ้อฉล รับคนต่างด้าวเข้าทำงาน เป็นผู้ดูแลสถานการค้าประเวณีเป็นนายจ้างจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรฯ โดยมีตัวแทนจากกรมการปกครอง องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศด้านต่อต้านการค้ามนุษย์ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เข้าร่วมรับฟัง
โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิดหลายข้อหาทั้งทางประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พระราชบัญญัติการทำงานคนต่างด้าว พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พระราชบัญญัติสถานบริการ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก โดยมีฐานความผิดที่แตกต่างกันไปในแต่ละจำเลย
ศาลพิพากษาให้ จำเลยที่หนึ่งจำคุกเป็นเวลา 25 ปี 12 เดือนพร้อมปรับ 30,000 บาท จำเลยที่สองจำคุกเป็นเวลา 24 ปี 12 เดือนปรับ 30,000 บาท จำเลยที่สามถึงห้าจำคุก 17 ปี และจำเลยที่หกซึ่งเป็นนิติบุคคล คือ บริษัท พีพีทีเอส คอนสตรัคชั่น จำกัด ปรับเป็นเงิน 1,310,000 บาท ซึ่งเดิมจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนแต่มาให้การสารภาพในชั้นศาลเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นควรให้พิจารณาลดโทษให้จำเลยทั้งหมดลงกึ่งหนึ่ง ทำให้จำเลยที่หนึ่งเหลือโทษจำคุก 11 ปี 24 เดือนปรับ 15,000 บาท จำเลยที่สองเหลือโทษจำคุก 11 ปี 18 เดือนปรับ 15,000 บาท จำเลยที่สามถึงห้าเหลือโทษจำคุก 8 ปี 6 เดือน และจำเลยที่หกเหลือค่าปรับ 655,000 บาท โดยจำเลยทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว รวมทั้งจำเลยที่ 5 ที่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวไปในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ
ขณะที่ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม กรมการปกครอง เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจในการตัดสินของศาล เพราะในคดีนี้กว่าจะยื่นฟ้องได้ ต้องรวบรวมสำนวนบันทึกการจับกุมเป็นเวลานาน มีการรวบรวมพยานหลักฐานมากมาย ได้สอบสวนไปในทิศทางตามเอกสารที่ได้รวบรวมไปให้พนักงานสอบสวน จนคดีถูกตัดสินออกมาในวันนี้
สำหรับคดีดังกล่าว เริ่มจาก ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองและองค์กรพัฒนาเอกชนต่อต้านการค้ามนุษย์หรือEnveder ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการสิงขร สืบสวนจับกุมสถานบริการนาตารีอาบอบนวด ในความผิดฐานค้ามนุษย์ พบว่ามีหญิงค้าประเวณีมากถึง 121 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลต่างด้าว จากการตรวจสอบเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 15 คน มีการตรวจยึดของกลางมากกว่า 200 รายการ และจัดทำบันทึกการจับกุมมากกว่า 800 หน้า โดยพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นพนักงานสถานบริการนาตารีอาบอบนวดที่ถูกจับกุมได้ในขณะเกิดเหตุ 5 คน และนิติบุคคล 1 แห่ง ซึ่งหลังจากคดีนี้มีการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาคดีต่อเนื่องมาเกือบจะหนึ่งปีเต็มจึงมีคำพิพากษาขึ้นมาในวันนี้
นอกจากนี้ ในคดีนี้ทาง ปปง. ได้ใช้มาตรการยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องไปแล้วราว 740 ล้านบาท ส่วนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท. อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนบัญชีส่วยที่พบว่ามีการจ่ายเงินให้กับ จนท.รัฐ เบื้องต้นมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงเพียงเจ้าหน้าที่รัฐ 4 ราย ซึ่งเป็นตำรวจยศดาบและจ่าเท่านั้น
ส่วนในคดีนี้ยังมีจำเลยอีก 3 คนที่ยังคงหลบหนีอยู่ คือ จำเลยที่ 7-9 ประกอบด้วย นายประเสริฐ สุขขี หรือโกลัก นายธีรเดช สุขขี ซึ่งเป็นลูกชายของนายประเสริฐ และนายสมหมาย พัดสิงห์
หลังฟังคำพิพากษาศาลเสร็จ เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ ก็ได้ควบคุมตัวจำเลยทั้ง 5 คน กลับไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งหลังจากนี้จำเลยทั้งหมดสามารถขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้