ยะลาท่วมหนัก! ประสบภัยกว่าหมื่นคน เร่งอพยพผู้ประสบภัยด่วน ขณะที่ จ.สุราษฎร์ฯ ออกหนังสือขยายเวลาเตือนฝนหนักเพิ่มไปจนถึง 30 พ.ย.นี้
จากกรณีเกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และตกหนักเป็นช่วงๆ มาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. เป็นต้นมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินสไลด์ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ต้องอพยพไปยังที่ปลอดภัย
ล่าสุด นายอำเภอเมืองยะลา ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอำเภอ เร่งอพยพชาวบ้านในพื้นที่บ้านเปาะยานิ หมู่ที่ 3 และ หมู่ที่ 4 ตำบลสะเตงนอก จำนวน 30 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่เป็นการด่วน เพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมหนัก
พร้อมเข้าไปดูแลให้ความช่วยเหลือชุมชนวัดยะลาธรรมาราม ในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งมีชาวบ้านได้รับน้ำท่วม จำนวนกว่า 50 ครัวเรือน นอกจากนี้ ทางอำเภอบันนังสตา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปแก้ปัญหาดินสไลด์ และคอสะพานที่ถูกน้ำพัดจนขาดแล้ว
ส่วนอำเภอรามัน เกิดน้ำท่วมใน 5 ตำบล คือ ต.กาลอ ต.ยะต๊ะ ต.กายูบอเกาะ เนินงาม และบือมัง ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 1,978 ครัวเรือน รวมแล้วกว่า 4,678 คน
ขณะที่น้ำในแม่น้ำสายบุรี ได้เอ่อล้นออกจากแม่น้ำสายบุรีเข้าท่วมพื้นที่ ต.บาลอ ต.กายูบอเกาะ ต.อาซ่อง ต.ตะโล๊ะหะลอ ต.ท่าธง และ ต.เกะรอ ทำให้บางหมู่บ้านต้องตัดขาดจากโลกภายนอก โดยเฉพาะบ้านกำปงบาโง หมู่ที่ 5 ต.อาซ่อง ชาวบ้าน จำนวน 200 คน ต้องใช้เรือในการเดินทางออกมาจับจ่ายซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคจากตัวอำเภอเมืองรามัน โดยมีระดับน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร เบื้องต้น มีชาวบ้านจังหวัดยะลาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ จำนวน 15,652 คน
นอกจากนี้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากภัยน้ำท่วมแล้ว 1 ราย โดยถูกกระแสน้ำพัดจมหายไป ขณะกำลังออกหาปลา จนเป็นเหตุให้จมน้ำเสียชีวิต
ขณะที่สภาพอากาศในพื้นที่อำเภอเมือง จ.สุราษฎร์ธานี มืดครึ้มทั่วท้องฟ้า มีฝนตกหนักในหลายจุด ตั้งแต่เวลา 04:00 น. ของวันที่ 27 พ.ย. 60 ทำให้การเดินทางในช่วงเช้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทัศนวิสัยลดลง ประชาชนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง
ด้านนายวิชชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกหนังสือด่วนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการดูแลสาธารณภัย ให้จัดเตรียมอุปกรณ์และเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน พร้อมแจ้งเตือนให้ทุกส่วนราชการ เฝ้าระวังอุทกภัยเพิ่มเติมจากกำหนดเดิมถึงวันที่ 28 พ.ย. 60 โดยให้ขยายระยะเวลาไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 60 หลังได้รับแจ้งจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่าจะยังมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่
ซึ่งทางด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สามารถวัดปริมาณน้ำฝนมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ในพื้นที่ อบต.คลองน้อย ตำบลคลองน้อย อำเภอชัยบุรี ปริมาณน้ำฝน 45 มิลลิเมตร , บ้านคลองคราม ตำบลปากแพรก อำเภอดอนสัก ปริมาณน้ำฝน 40 มิลลิเมตร , บ้านหน้าถ้ำ ตำบลท่าอุแท อำเภอกาจนดิษฐ์ ปริมาณน้ำฝน 22 มิลลิเมตร
แม้ว่าปริมาณน้ำฝนยังน้อย แต่ปริมาณน้ำฝนสะสมรวม 3 วันอยู่ในระดับค่อนข้างมาก และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากผลการตรวจสอบเรดาห์อากาศพบกลุ่มเมฆฝนกำลังเคลื่อนเข้าพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยในวันนี้คาดว่าจะมีฝนตกกระจายร้อยละ 70 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักในบางจุด และทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร