ราคาน้ำมันขึ้นเล็กน้อย หลังเหตุตึงเครียด “สหรัฐ-ซาอุฯ” ยังไม่คลี่คลาย

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% ได้แรงหนุนจากกรณีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-ซาอุฯ ขณะที่ปริมาณการผลิต “เชลล์ออยล์” ในสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อคืนวานนี้ (16 ต.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย กรณีการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัปม์ ขู่ว่าสหรัฐจะใช้มาตรการลงโทษสถานหนัก หากผลการสืบสวนพบว่าซาอุฯมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ซาอุฯขู่กลับว่า พร้อมตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการที่รุนแรงกว่า

อย่างไรก็ตาม การที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นเล็กน้อย หรือเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ หลังจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 98,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. แตะระดับ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันจาก EIA ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.88 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค. และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.52 ล้านบาร์เรล และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดที่ 71.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.14 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 81.41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.63 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.8% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปิดที่ 78.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.48 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.6%

ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17 ต.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังหลายฝ่ายยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่จะขาดหายไปจากตะวันออกกลาง หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านปรับลดลง

ขณะที่ประเด็นการหายตัวไปของผู้สื่อข่าวชาวซาอุดิอาระเบีย ณ สถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ยังคงระอุ หลังนายลินเซย์ กราแฮม สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวหาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารนายจามาลคือมกุฎราชกุมาร โมฮัมเมด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งหากเป็นตามที่กล่าวหาจะส่งผลเลวร้ายต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดิอาระเบีย

อย่างไรก็ตาม มกุฎราชกุมารฯ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการมีส่วนเกี่ยวข้องในการหายตัวไปของนายจามาลและตนจะขยายกำลังการสืบสวนเกี่ยวกับคดีนี้เพื่อให้ความจริงเปิดเผยโดยเร็ว

นอกจากนี้ สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ สิ้นสุด ณ สัปดาห์ก่อนหน้า ปรับลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 408.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล หลังการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐปรับลดลงประมาณ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ทั้งนี้ ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 69 – 74 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 78 – 83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า