ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 1.3% ปิดที่ 54.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังสหรัฐรายงานคำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลง 0.6% ต่ำกว่าที่คาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนปลายเดือนนี้
เมื่อคืนวันจันทร์ (4 ก.พ.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) งวดส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 54.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.70 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดที่ 62.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 24 เหรียญสหรัฐ หรือลดลง 0.4%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 55.75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และเป็นระดับสูงสุดรับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.ปีที่แล้ว แต่เมื่อปิดตลาดสัญญาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.6% ในเดือนพ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 53.6 ในเดือนม.ค. ลดลงจากระดับ 53.9 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกดังกล่าว ทำให้นักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐลดลง 15 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 847 แท่น ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว และการที่สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซุเอลา (PDVSA) จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดลง
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการลดกำลังการผลิตน้ำมันรอบใหม่ของกลุ่มโอเปคและพันธมิตร ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนม.ค. ขณะที่รัสเซียปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการลดกำลังผลิตน้ำมัน โดยเมื่อวันจันทร์ Alexander Novak รมว.พลังงานรัสเซีย ระบุในแถลงการณ์ว่า รัสเซียลดกำลังการผลิตน้ำมัน 47,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนม.ค.2562
บมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 5 ก.พ.ว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปรับตัวลดลง หลังสหรัฐรายงานคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ ลดลง 0.6% ในเดือนพ.ย.61 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ส่งผลกระทบให้นักลงทุนในตลาดมองว่า สภาพเศรษฐกิจอาจซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ตลาดยังคงจับตาการประชุมระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่จะจัดขึ้นในเดือนนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ส่วน Genscape รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 1 ก.พ. ณ จุดส่งมอบคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 943,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัท น้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา (PDVSA) ประกอบกับรัสเซียปรับลดกำลังการผลิตลงอีก 47,000 บาร์เรล/วันในเดือน ม.ค.2562 ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดจะปรับลดลงมากขึ้น
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล