ราคาน้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังตลาดหุ้นสหรัฐเด้ง 400 จุด ขณะที่ซาอุฯ ระบุ อาจแทรกแซงเพื่อลดปริมาณสต๊อกน้ำมัน คาดไตรมาส 4 ปีนี้ อาจมีปัญหาน้ำมันล้นตลาด
เมื่อคืนวานนี้ (25 ต.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อลดสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง หลังจากสต็อกเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 67.33 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.51 เหรียญ หรือเพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 76.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.72 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.94%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 74.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.57 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.76%
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำวันที่ 26 ต.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น หลังจากวันก่อนได้ปรับตัวลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2554 โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้น 1.6% และ1.8% ตามลำดับ เนื่องจากบริษัท เช่น ไมโครซอฟท์ ฟอร์ด มอเตอร์ และทวิตเตอร์ ประกาศรายได้ในไตรมาส 3/2561 ออกมาอยู่ในระดับสูง ซึ่งสามารถบรรเทาความกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
ขณะที่รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย ออกมาส่งสัญญาณว่า อาจมีการแทรกแซงตลาดเพื่อให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีปริมาณลดน้อยลง ทั้งนี้ เพื่อให้ตลาดน้ำมันดิบกลับมาสู่ระดับเสถียรภาพอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ซาอุฯ มองว่าในไตรมาส 4/2561 ปริมาณน้ำมันดิบอาจล้นตลาดได้ เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันดิบคงคลังปรับตัวสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ดี ตลาดทางการเงินยังคงมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ รวมถึงสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ค่าเงินของประเทศเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลง และเศรษฐกิจของอิตาลี ซึ่งอาจส่งผลประทบต่อปริมาณการใช้น้ำมันของโลก
บมจ.ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 64-69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 74-79 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล