สบน.แจงรัฐบาลไทยยังไม่มีการกู้เงินจากจีน สร้างรถไฟความเร็วสูงเส้น “กรุงเทพ-นครราชสีมา” ย้ำเงินลงทุนจะมาจากแหล่งเงินในประเทศเป็นหลัก
จากกรณีที่กระแสข่าวว่ารัฐบาลเปิดรับการลงทุนและการกู้เงินจากจีน เพื่อนำไปลงทุนโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) นั้น
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในฐานะรองโฆษกสบน. เปิดเผยว่า การลงทุนรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว รัฐบาลจีนจะสนับสนุนด้านการศึกษาโครงการ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และเป็นผู้รับจ้างในการก่อสร้าง ส่วนรัฐบาลไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งโครงการ
สำหรับแหล่งที่มาของเงินลงทุนนั้น จะมาจากงบประมาณและเงินกู้ภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนการกู้เงินจากรัฐบาลจีนเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งของแหล่งเงินเท่านั้น
“ในส่วนของการกู้เงินจากรัฐบาลจีน ปัจจุบันยังไม่มีการตกลงและผูกพันสัญญาใดๆ และยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาร่างสัญญาเงินกู้และเงื่อนไขเงินกู้ของรัฐบาลจีน ซึ่งในการเจรจาได้มีการระบุไว้ชัดเจน ว่ารัฐบาลไทยจะกู้เงินจากรัฐบาลจีน หากมีเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีกว่า หรือมีต้นทุนที่ถูกกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งเงินกู้อื่น”นางจินดารัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่พิจารณาเงื่อนไขเงินกู้ ซึ่งจะมีการเปรียบเทียบต้นทุนการกู้เงินของรัฐบาลจากแหล่งต่างๆ ทั้งการกู้เงินจากแหล่งเงินในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงแหล่งเงินกู้ทางการอื่นๆ
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา มีวงเงินลงทุน 1.79 แสนล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างช่วงแรกกลางดง-ปางอโศก 3.5 กิโลเมตร วงเงิน 425 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเปิดประมูลช่วงที่ 2 สีคิ้ว-กุดจิก 11 กิโลเมตร วงเงิน 3,500 ล้านบาท ส่วนการก่อสร้างช่วงที่ 3 และ4 จะดำเนินการเปิดประมูลในระยะต่อไป
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนเสนอเงินกู้ให้กับรัฐบาลไทยเพื่อลงทุนโครงการดังกล่าว คิดอัตราดอกเบี้ย 2.4% ต่อปี แต่รัฐบาลไทยเห็นว่าสูงเกินไป โดยดอกเบี้ยที่เหมาะสมต้องต่ำกว่า 2% ต่อปี