อุตุฯ แจ้งเตือนฝนถล่มหนัก 12 จังหวัดภาคใต้ ล่าสุดกระหน่ำยะลาแล้ว! อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน
กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศแจ้งเตือนเรื่อง “ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560)” ฉบับที่ 15 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2560 ความว่า
“มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
พื้นที่ที่คาดว่าได้รับผลกระทบมีดังนี้ ในช่วงวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2560 บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่มีกระแสลมตะวันตกในระดับบนเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว
โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือและมีฝนบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้”
ขณะที่จังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง เกิดฝนลงมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) เป็นต้นมา และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดตกแต่อย่างใด ลักษณะเช่นนี้ อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันได้ โดยเฉพาะพื้นที่ราบน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณริมแม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำปัตตานี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่าน อ.รามัน จ.ยะลา และอ. บันนังสตา อ.กรงปินัง อ.เมือง ไปยัง จ.ปัตตานี
นายกาส เส็นโต๊ะเย็บ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ยะลา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในจังหวัดยะลา ยังอยู่ในภาวะเฝ้าระวังติดสถานการณ์ โดยเฉพาะการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีประวัติพื้นที่เกิดเหตุเคยเกิดน้ำท่วมทุกปีอย่างใกล้ชิด
ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนบางลาง ขณะนี้มีประมาณน้ำ จำนวน 55 เปอร์เซ็นต์ ยังสามารถรับได้อีกกว่า 40 เปอร์เซ็น ทำให้สถานการณ์ของเขื่อนบางลางยังอยู่ในระดับปกติ และสามารถปล่อยน้ำปั่นกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติเหมือนเช่นเคย
ด้านจังหวัดสงขลา ฝนตกสะสมต่อเนื่องมา2วัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นในหลายพื้นที่ แม้แต่ถนนสายคลองยาเหนือ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ กับ ต.นาม่วง อ.นาหม่อม มีน้ำท่วมสูงประมาณ 50 เซนติเมตร และไหลเชี่ยวรถเล็กทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ไม่สามารถผ่านได้ น้ำเริ่มไหลเข้าบ้านเรือนหลายหลังรวมทั้งร้านค้า
ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้อำเภอที่อยู่ใกล้เชิงเขาโดยเฉพาะ อ.สะเดา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย อ.รัตภูมิ อ.คลองหอยโข่ง และอ.หาดใหญ่ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้
ส่วนจังหวัดพัทลุง ยังมีฝนตกหนัก ทำให้น้ำป่าบวกกับน้ำฝนหลากลงมาท่วมในพื้นที่ลุ่มด้านล่างของจังหวัด โดยหนักสุดอยู่ที่ ต.ชะมวง อ.ควนขนุน เขตเทศบาลตำบลควนขนุน และเขตเทศบาลตำบลหนองพ้อ โดยน้ำจากฝายท่าแนะ ยังล้นสปริงเวย์และหลากลงมายังพื้นที่ลุ่มด้านล่าง กัดเซาะพะนังกั้นน้ำจนขาดก่อนไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เส้นทางถนนทั้งสายรอง สายหลัก ถนนสายเอเซีย 41 มีน้ำท่วมผิวทางจราจร ในขณะเส้นทางจากแยกโพธิ์ทองไปยังอำเภอควนขนุนมีน้ำท่วมเป็นทางยาวหลายจุด และเส้นทางแยกโพธิ์ไปยังอำเภอศรีบรรพต ก็มีน้ำท่วมสูงเช่นกัน
และคาดว่าไม่เกิน 3 ชั่วโมง น้ำจากจุดดังกล่าวบางส่วนจะไหลทะลักเข้าพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองชั้นนอก ทางเทศบาลเมืองพัทลุงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เตรียมรับมืออย่างเร่งด่วน
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเพชรบุรีเริ่มคลี่คลายแล้ว ถนนในพื้นที่ส่วนใหญ่สามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ แต่ที่อำเภอบ้านแหลมยังมีปัญหาน้ำท่วมอยู่ในพื้นที่ตำบลบางครก และตำบลท่าแร้ง เนื่องจากอำเภอบ้านแหลมเป็นพื้นที่สุดท้ายที่น้ำจะไหลออกทะเลไป