“ศิโรตม์” เจาะลึก ปชป.พ่ายยับ เหตุคนไม่เอาทักษิณ เชื่อว่า “พปชร.-ลุงตู่” ต่อสู้ “ทักษิณ” ได้ดีกว่าประชาธิปัตย์ เชื่อแกนนำ ปชป.ไม่เอาพรรคอันดับสอง แนะให้เป็นฝ่ายค้านไปเลย ชี้ “มาร์ค” เป็นนักการเมืองและผู้นำที่ดี แต่มาในช่วงมวลชนแบ่งขั้ว
นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิเคราะห์การเมืองและคอลัมนิสต์ชื่อดัง กล่าวในรายการ “ทุบประเด็น” ทางไบรท์ทีวี ช่อง 20 ถึงผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องน่าตกใจที่คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หายไปค่อนข้างมาก เนื่องจากหลังปี 2549 จำนวนประชากรที่ลงคะแนนให้ ปชป. อยู่ที่ 10-12 ล้าน จำนวน ส.ส. อยู่ที่ 100-160 คน ผลที่ออกมาไม่ใช่แค่ ส.ส. ที่หายไป แต่จำนวนประชากรที่เลือก ปชป. ก็หายไปราว 60% ส่วนสาเหตุที่คะแนนเสียงหายไป เนื่องจากคนจำนวนหนึ่งที่เคยเลือก ปชป. หันไปเลือกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แทน เพราะอาจไม่พอใจที่ ปชป. บอกว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เอานายกฯ คนนอก และอาจรู้สึกว่า พปชร. ใช้เป็นเครื่องมือต่อต้าน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และต่อต้านพรรคการเมืองฝ่ายนายทักษิณได้ดีกว่า ปชป. จึงเทคะแนนให้ พปชร.
นายศิโรตม์ กล่าวต่อไปอีกว่า อย่างไรก็ตามการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. แสดงจุดยืนว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ ปชป.แพ้ แต่เกิดจากปัจจัยหลายเรื่อง สิ่งที่ทำให้คนกังวลประการหนึ่งคือ การประกาศของนายทักษิณในวันงานแต่งงานลูกสาวว่าเราชนะเลือกตั้งแน่ ทำให้มีความรู้สึกว่า ทักษิณกล้าประกาศก่อนเลือกตั้งเพียงแค่ 2 วันว่าชนะ สำหรับคนไม่ชอบทักษิณ จะรู้สึกว่าต้องหาพรรคหรือเครื่องมือใหม่ที่จะทำให้ทักษิณไม่ชนะ คนกลุ่มหนึ่งจึงหันไปหา พล.อ.ประยุทธ์ด้วยความรู้สึกว่าเป็นเครื่องมือต่อต้านทักษิณได้ดีกว่า ปชป.
“เดิมคะแนนของ ปชป. เพิ่มขึ้นเพราะความนิยมในตัวคุณชวน หลีกภัย และคุณอภิสิทธิ์ แต่หลังปี 49 เป็นต้นมา แนวทางเปลี่ยนไป คุณอภิสิทธิ์มีความสามารถในการนำพรรคได้ดี มีความเป็นผู้นำ แต่การสร้างพรรคการเมืองให้เติบโตภายใต้การนำของคุณอภิสิทธิ์อยู่ในช่วงการเมืองแตกเป็นสองขั้ว การเติบโตและการการขยายมวลชนของพรรคเลยทาบทับกับการเอาหรือไม่เอาทักษิณ ซึ่งการที่ ปชป. จะบอกว่าเอาหรือไม่เอาทักษิณ จะต้องไม่ก้าวล่วงไปถึงว่าเอารัฐประหาร หรือผิดจากหลักการประชาธิปไตย ภาพลักษณ์ของการไม่เอาทักษิณที่ชัดเจนตอนนี้ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์หรือ ปชป. อีกต่อไป แต่คือ พปชร. ที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีกลไกรัฐ มีกองทัพ มีวุฒิสมาชิก แม้คุณอภิสิทธิ์จะไม่เอาทักษิณ แต่ก็ไม่มีเครื่องมือเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คะแนนเทไปที่ พปชร.ค่อนข้างมาก” นายศิโรตม์กล่าว
นายศิโรตม์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกระแสข่าวว่ามีการจัดตั้งรัฐบาลภายในค่ายทหาร หากเกิดขึ้นจริงนับว่าเป็นเรื่องไม่ฉลาด พล.อ.ประยุทธ์จะถูกติฉิน ซึ่งตนยังเชื่อว่าสมาชิกของ ปชป.ระดับแกนนำในระบบบัญชีรายชื่อยังยืนยันหลักการว่าไม่เอาพรรคที่ไม่ได้ ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งมาเป็นแกนนำมาจัดตั้งรัฐบาล และไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจ ซึ่งหากมีคนของ ปชป.ออกมาบอกว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ประกาศไปก่อนหน้านี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน แสดงว่าคนคนนั้นเป็นนักฉวยโอกาสทางการเมือง เพื่อหวังจะได้ร่วมรัฐบาล และหากเป็นเช่นนั้น ประชาชนก็ไม่มีเหตุที่จะเลือก ปชป.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าต่อไป
“ถามว่า ปชป.จะไปทางไหน ขึ้นอยู่กับกมลสันดานของแต่ละคน การจัดตั้งรัฐบาลควรเป็นพรรคที่ได้เสียงข้างมาก ส่วนนายกฯ จะเป็นใครอยู่ที่การตกลงกัน หรือ ปชป. ไปเป็นฝ่ายค้านไปเลย เพื่อรักษาหลักการและความเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ ชีวิตการเป็นนักการเมืองไม่จำเป็นต้องกระสันต์เป็นฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว ทำไมต้องยอมไปเป็นลูกน้องพรรคที่ลอกเลียนนโยบาย ปชป. และเห็นอยู่แล้วว่า 4-5 ปีที่ผ่าน การบริหารประเทศเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งที่เพื่อไทยโชว์สปิริตคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย บอกว่าพร้อมจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่เป็นนายกฯ ก็ได้ เป็นการปลดล็อกตัวเองเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ ปชป.ก็ควรโชว์สปิริตแบบเดียวกัน ว่าไม่เอาพรรคที่ได้อันดับสองมาจัดตั้งรัฐบาล ไม่เอานายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ เพราะสิ่งที่ พปชร.กำลังทำเป็นการทำลายประเพณีการเมืองที่ทุกพรรคการเมืองปฏิบัติกันมา ปชป.ไม่ควรเอาตัวเองไปแปดเปื้อนกับการกระทำที่ทำลายประชาธิปไตยเช่นนี้ ประวัติศาสตร์การเมือง ไม่มีเคยมีพรรคการเมืองที่ได้เสียงเป็นที่สองแล้วช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาล พปชร.จะเป็นพรรคแรกที่กล้าทำ”นายศิโรตม์กล่าว
