จากกรณี 2สามีภรรยาได้ปลูกสร้างแบบลอยน้ำเป็นที่พักอาศัยตามแนวทาง Seasteading และ ได้ประกาศเป็นรัฐอิสระไม่อยู่ในอำนาจศาลหรือกฎหมายของรัฐใด รวมถึงประเทศไทย จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และนำมาสู่การดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคง
ในช่วงบ่ายวันนี้ (22 เม.ย.62) หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการพิเศษร่วมเข้าทำการเก็บหลักฐานบนตัวบ้านลอยน้ำแล้ว ได้ทำการแยกชิ้นส่วนตัวบ้านกับเสาเหล็ก โดยทำการสูบน้ำเข้าในแท่งเหล็ก และทำการถอดตัวบ้านทรงแปดเหลี่ยมออกจากแท่งเหล็กได้สำเร็จ ในเวลา 14.50 น. โดยปฎิบัติการครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการแยกชิ้นส่วน แต่หลังจากแยกชิ้นส่วนแล้วก้เกิดปัญหา เนื่องจากตัวบ้านทรงแปดเหลี่ยมนั้นใหญ่กล่าวท้ายเรือจึงไม่สามารถยกขึ้นท้ายเรือได้ เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีผูกเชือกตัวบ้านติดกับท้ายเรือลากเข้าฝั่ง ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ในการลากบ้านลอยน้ำถึงท่าเรือน้ำลึก จ.ภูเก็ต
คลิกข่าวที่เกี่ยวข้อง…
สนธิกำลัง จนท.ภูเก็ต! ลุยรื้อถอนบ้านกลางทะเล
สำหรับชิ้นส่วนบ้านลอยน้ำดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะเก็บเป็นพยานหลักฐานในการดำนินคดีกับคู่สามีภรรยาชายชาวต่างชาติ และภรรยาชาวไทย ที่ได้ร่วมกันดำเนินการให้มีการจัดสร้างสิ่งปลูกสร้างแบบลอยน้ำเป็นที่พักอาศัยตามแนวทาง Seasteading และได้มีการนำไปติดตั้งนอกชายฝั่งทะเลจังหวัดภูเก็ต ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ปี พ.ศ. 2525 ระบุไว้ว่า เขตเศรษฐกิจจำเพาะถือว่า อยู่ในเขตอำนาจและสิทธิอธิปไตยของไทย
นอกจากนี้ยังได้มีการประกาศผ่านสื่อออนไลน์ว่า เป็นรัฐอิสระไม่อยู่ในอำนาจศาลหรือกฎหมายของรัฐใด รวมถึงประเทศไทยด้วย รวมทั้งยังได้มีการเชิญชวนให้ผู้สนใจมาร่วมกันจัดตั้งก่อที่พักอาศัยในลักษณะเช่นนี้เป็นอาณานิคมปกครองตนเอง ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ระบุว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ มีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือสูงสุดประหาร