กสทช. ออกประกาศแจ้งเตือนลูกค้ามือถือคลื่น 850 MHz ของ “ดีแทค” รีบย้ายคลื่นหรือย้ายค้าย ชี้หากไม่ทำก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 15 ก.ย.นี้ “ซิมดับ” แน่
วันนี้ (13 ก.ย.) เว็ปเว็บไซด์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกประกาศแจ้งเตือนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือดีแทคบนคลื่นความถี่ 850 MHz ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย.2561 ให้รีบย้ายไปใช้บริการบนคลื่นความถี่อื่นในค่ายเดิม หรือโอนย้ายค่าย ภายในวันที่ 15 ก.ย.2561
ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถใช้มือถือเบอร์เดิมได้อย่างต่อเนื่อง หากไม่ดำเนินการเมื่อถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 15 ก.ย.2561 จะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ ซิมจะดับ
“กสทช. แจ้งผู้ใช้โทรศัพท์มือถือดีแทคบนคลื่นความถี่ 850 MHz โดยท่านที่ใช้ ดีแทค สามารถตรวจสอบว่าหมายเลขของท่านได้รับผลกระทบหรือไม่ให้ กด *444# แล้วโทรออก และจะได้รับข้อความตอบกลับทันที” สำนักงาน กสทช.ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา มีมติด้วยเสียงข้างมาก 4 ต่อ 2 ไม่ออกมาตรการเยียวยาลูกค้าของดีแทคที่ใช้บริการบนคลื่น 850 MHz หลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย.2561 นั้น
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของกรรมการเสียงข้างน้อย ได้จัดทำความเห็นของตนเอง เพื่อให้ทางสำนักงาน กสทช. ใส่ประกอบไว้ในรายการงานประชุมของ กสทช. นัดพิเศษครั้งที่ 5/2561 (วันที่ 12 ก.ย.2561) ต่อไป
ความเห็นของนายประวิทย์ สรุปได้ดังนี้
1.การอ้างว่าเหตุที่ไม่ให้เข้าสู่มาตรการคุ้มครองเพราะมีการจัดประมูลล่วงหน้าแล้ว ถ้าเช่นนั้น ไม่ว่าเอกชนจะเข้าร่วมประมูลหรือไม่ก็ไม่สามารถเข้าสู่มาตรการคุ้มครองได้ แต่มติที่ประชุม กสทช. เดิมกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทฯ ต้องเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่จึงจะได้สิทธิเข้าสู่มาตรการคุ้มครองฯ ซึ่งมิใช่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการ จึงไม่เป็นไปตามประกาศที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งตามมติเดิมนี้ย่อมแสดงว่า การจัดประมูลในตัวมันเองไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการตัดสิทธิไม่ให้เข้าสู่มาตรการคุ้มครอง
2.ยิ่งไปกว่านั้น การประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ครั้งที่ผ่านมานี้ ไม่ตรงกับคลื่นที่ขอความคุ้มครอง กล่าวคือ แม้ว่าเอกชนจะชนะการประมูลก็ไม่สามารถนำคลื่นนี้ไปทดแทนคลื่นตามสัมปทานเดิมได้ การพิจารณาเรื่องนี้จึงต้องคำนึงถึงผู้ใช้บริการเดิมเป็นหลัก แม้จะอ้างว่าเอกชนสามารถทำสัญญา Roaming กับรายอื่นได้ แต่หากซิมดับ ทุกบริการก็สิ้นสุดลงทันที ส่วนการอ้างว่าหากชนะประมูลก็สามารถใช้คลื่นเดิมไปก่อนได้ ไม่เคยมีกฎหมายหรือมติที่ประชุมรองรับแต่อย่างใด
3.ประเด็นการเพิ่มภาระรับผิดชอบอุปกรณ์ป้องกันคลื่นรบกวนในการประมูลที่ผ่านมา ไม่เคยปรากฏในร่างประกาศประมูลมาก่อน สำนักงาน กสทช. เพิ่งเสนอเพิ่มภายหลังการรับฟังความเห็นสาธารณะ เมื่อปรากฏว่าไม่มีเอกชนรายใดเข้าร่วมประมูลด้วยเหตุว่าภาระดังกล่าวเป็นต้นทุนที่ไม่อาจคำนวณได้แน่ชัด จึงเสี่ยงต่อการประกอบธุรกิจ จึงรับฟังได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้การประมูลล้มเหลว และสมควรตัดภาระดังกล่าวออกแล้วจัดประมูลใหม่โดยเร็ว ซึ่งสำนักงานฯ รับว่าถ้าตัดเฉพาะเงื่อนไขนี้ สามารถจัดประมูลได้ในเดือนตุลาคม
4.ในประเด็นความเสียหายที่เกิดขึ้นหากไม่เห็นชอบมาตรการคุ้มครองนั้น เอกชนได้เสนอข้อเท็จจริงต่อศาลปกครองว่า มีผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุใช้บริการในต่างจังหวัด แต่ผู้จดทะเบียนเป็นบุตรที่ทำงานในกรุงเทพฯ ซึ่งผู้สูงอายุไม่สามารถดำเนินการโอนย้ายได้เอง ต้องรอบุตรเดินทางกลับต่างจังหวัดไปดำเนินการ หากซิมดับก็จะไม่สามารถสื่อสารขอความช่วยเหลือได้ ส่วนสำนักงาน กสทช. รายงานว่ามีกรณีซิมที่ใช้กับ Machine ซึ่งต้องเปลี่ยนที่ตัวอุปกรณ์ จึงไม่สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว และจากข้อมูลพบว่า มีทั้งการใช้งานกับเครื่อง EDC ตามร้านค้า เครื่อง ATM เครื่องส่งข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของ กฟภ. ใช้กับเซ็นเซอร์น้ำตามสถานีตรวจสอบระดับน้ำของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งปัจจุบันเป็นช่วงมรสุม เสี่ยงต่อภัยน้ำท่วม
จึงเห็นว่า หากไม่เข้าสู่มาตรการคุ้มครองฯ อาจกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและบริการสาธารณะต่างๆ ตลอดจนอาจกระทบต่อการติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติ ส่วนการอ้างว่าศักยภาพโอนย้ายของระบบนั้นสูงถึง 60,000 เลขหมายต่อวัน ผู้ใช้บริการ 90,000 รายสามารถโอนย้ายได้ก่อนสิ้นสัมปทาน เป็นการคำนวณที่ไม่คำนึงถึงอุปสรรคในการโอนย้ายจริงในกรณีของผู้อยู่ต่างจังหวัดหรือผู้ที่ยากต่อการเข้าถึงการโอนย้าย รวมทั้งกรณี Machine
5.ทางออกในเรื่องนี้ เห็นว่าควรตัดเงื่อนไขการประมูลที่ก่อภาระต่อเอกชนเกินกว่าการประมูลครั้งก่อนออก และไม่ต้องขยายงวดชำระเงินเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ชนะประมูลเดิม แล้วเร่งจัดประมูลในเวลาไม่เกิน 1-2 เดือน ก็จะทำให้มาตรการคุ้มครองที่เอกชนขอสิ้นสุดลงตามกลไกปกติ ดังเช่นในอดีต เนื่องจากการไม่ให้เข้าสู่มาตรการคุ้มครองฯ นอกจากจะกระทบประโยชน์สาธารณะ ยังทำให้คลื่นความถี่ไม่ถูกใช้งานให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม