เมื่อเวลา 14.40 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงษ์เพชร สินสุวรรณ หรือ บอล บางแก้ว พร้อมด้วยนายพงษ์พจน์ สินสุวรรณ หรือ บาส และทนายความ เดินทางรับทราบข้อกล่าวหา กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ภายหลังคณะทำงานคดีเพลิงไหม้บ้าน บอล บางแก้ว ได้เดินทางไปขอศาลอนุมัติหมายจับในข้อหา “กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้จนมีผู้เสียชีวิต” ต่อมาศาลได้มีการยกคำร้องโดยให้ออกหมายเรียกแทน
นายสาคร ศิริชัย ทนายความนายพงษ์เพชร กล่าวว่า ขณะนี้นายพงษ์เพชร ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา
กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้จนมีผู้เสียชีวิต โดยยังอยู่ระหว่างให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้ต้องหา โดยทราบว่าก่อนหน้านี้ตำรวจได้ไปร้องขอหมายจับ
แต่ศาลได้ให้ออกหมายเรียกแทน เราจึงต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการมามอบตัวก่อน
นอกจากนี้ยังได้มีดารนำรถยนต์ยี่ห้อจากัวร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 7 กฐ 5640 กทม. ของนายพงษ์พจน์ สินสุวรรณ หรือ บาส เข้าชี้แจงและแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวหาว่ารถยนต์ส่วนตัวของน้องชายของหนุ่มนักร้องวงบางแก้วมีการสวมทะเบียนกระทำความผิด ซึ่งจากการตรวจสอบยังไม่สบความผิดปกติแต่อย่างใด
“ตอนนี้รถที่บาสใช้อยู่ ไม่เกี่ยวข้องคดีไฟไหม้ แต่เมื่อมีคนไปร้องเรียน จึงต้องนำมาให้ตำรวจตรวจสอบ ตอนนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา ตามประมวลวิธีกฎหมายอาญา ไม่ใช่ให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาร่วมแถลงข่าวหรือชี้นำคดี เพราะตอนนี้ลูกความก็ยังไม่ได้มีการออกมาพูดอะไร คงต้องต่อสู้คดีความให้จนถึงที่สุดก่อน และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งอาจจะมีการฟ้องผู้ที่กล่าวหาทางเราในภายหลัง”
บอล ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ เลยที่จะต้องทำการฆ่าแฟน หรือ แม้แต่เผาบ้านของตัวเองให้เกิดความเสียหายทั้งเอกสารและทรัพย์สิน เพื่ออำพรางคดี เรื่องดังกล่าวไม่มีความสมเหตุผล อีกทั้งบ้านของตนก็ไม่ได้มีประกันอัคคีภัยด้วย อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากไปถึงแฟนสาวว่ายังคิดถึงและรู้สึกดีอยู่เหมือนเดิมเสมอ พร้อมทั้งยังอยากจะเข้าไปพูดคุยกับครอบครัวแฟนสาวอีกด้วย แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากถูกปฏิเสธ
“ยืนยันว่าตั้งแต่วันเกิดเหตุไฟไหม้ ตนเองไม่เคยหลบหนีคดี ไม่เคยวิ่งเต้นตำรวจสร้างพยานหลักฐานเท็จ หรือไม่ยินยอมให้ตรวจสอบพยานหลักฐาน ตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งตนเองพร้อมจะชี้แจงและเปิดเผยข้อเท็จจริงกับตำรวจทุกประเด็น ยืนยันไม่มีมูลเหตุจูงใจก่อเหตุที่ทำให้แฟนสาวต้องเสียชีวิต ด้วยการวางเพลิงบ้านของตนเอง เนื่องจากพ่อป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ทรัพย์สินที่มีในบ้านจำนวนมาก บ้านไม่มีประกันอัคคีภัยจึงไม่สมเหตุสมผลที่จะวางเพลิงบ้าน เพื่อฆ่าแฟนของตัวเอง”