โพลเผยประชาชน 56.9% ยังใช้บริการสาขาแบงก์ ส่วนใหญ่ใช้บริการ “ฝาก-ถอน” ขณะที่แบงก์รัฐได้คะแนนสูงกว่าแบงก์เอกชน
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เผยผลสำรวจเรื่อง “ความผูกพันบอกต่อบริการธนาคาร” โดยสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,109 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-22 ก.ย.2561
ผลสำรวจพบว่าประชาชนร้อยละ 56.9 ใช้บริการธนาคารครั้งล่าสุดไม่เกิน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 61.3 ใช้บริการครั้งล่าสุด คือ ฝาก ถอน รองลงมา คือ ร้อยละ 20.8 เป็นการชำระสินค้า บริการ บัตรเครดิต สินเชื่อ ร้อยละ 7.9 ใช้บริการสินเชื่อ ร้อยละ 4.3 เปิดบัญชีธนาคาร และร้อยละ 5.7 ใช้บริการอื่นๆ เช่น ปรึกษาปัญหาการใช้ แอพพลิเคชั่น สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ กองทุน ประกัน ฯลฯ
“ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.6 ไม่ได้ประเมินความพึงพอใจหลังรับบริการธนาคารครั้งล่าสุด ในขณะที่ร้อยละ 25.4 ได้ประเมินความพึงพอใจที่เคาน์เตอร์บริการ”นายนภดลระบุ
เมื่อถามถึง ความผูกพันบอกต่อบริการธนาคาร เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า ธนาคารรัฐได้รับคะแนนเฉลี่ยความผูกพันบอกต่อบริการธนาคารสูงกว่าธนาคารเอกชนคือ 8.89 ต่อ 8.56 เพราะประชาชนผู้ใช้บริการธนาคารรัฐ ติดชื่อเสียงธนาคาร (ติดแบรนด์) ใช้บริการมานาน ติดต่อพนักงานธนาคารแล้วสบายใจ เป็นกันเอง ดูแลเอาใจใส่ วางใจ ใกล้ชิด กระตือรือร้น ช่วยให้คำปรึกษาได้รับประโยชน์ตรงกับที่ต้องการจริง ในการทำอาชีพ และประกอบธุรกิจ เป็นต้น
ขณะที่ธนาคารเอกชน ได้รับความผูกพันบอกต่อบริการธนาคาร เพราะโฆษณา ชื่อเสียงธนาคาร สะดวกสบายเข้าถึงได้ง่าย บริการเทคโนโลยีทันสมัย รวดเร็ว มีจุดบริการผลิตภัณฑ์ธนาคารหลากหลาย และฟรีค่าธรรมเนียม เป็นต้น
เมื่อจำแนกตามกลุ่มอาชีพ พบว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐให้คะแนนเฉลี่ยผูกพันบอกต่อบริการธนาคารรัฐ 8.85 สูงกว่าธนาคารเอกชน ซึ่งได้คะแนน 8.72 และกลุ่มเกษตรกร ให้คะแนนผูกพันบอกต่อบริการธนาคารรัฐอยู่ที่ 9.41 สูงกว่าธนาคารเอกชน ซึ่งได้คะแนน 7.05 อย่างไรก็ตาม กลุ่มพนักงานเอกชน ค้าขายและอื่น ๆ ให้คะแนนผูกพันบอกต่อบริการธนาคารเอกชนอยู่ที่ 9.06 สูงกว่าธนาคารรัฐที่ได้คะแนน 8.13
นายนภดล กล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้ มีความชัดเจนในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการผูกพันบอกต่อบริการธนาคารรัฐสูงกว่าธนาคารเอกชน เพราะพนักงานธนาคารรัฐเป็นปัจจัยสำคัญและการตอบโจทย์แก้ปัญหาแบบเกาะติดด้านอาชีพและการประกอบธุรกิจ ในขณะที่ธนาคารเอกชนอยู่ที่การโฆษณาและเทคโนโลยี รวมถึงฟรีค่าธรรมเนียม เป็นต้น
ดังนั้น การนำจุดแข็งและโอกาสของแต่ละธนาคารมาพัฒนา โดยธนาคารรัฐปรับปรุงด้านเทคโนโลยีให้ทันสมัยและธนาคารเอกชนปรับปรุงเรื่องการฝึกอบรมพนักงานในความใส่ใจแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้ น่าจะทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการทุกกลุ่มได้รับประโยชน์สูงสุดจากธุรกิจบริการของธนาคารโดยรวม