โยงทุจริต “ข้าวจีทูจี” ล็อกเป้า “ทักษิณ” เกมดิสเครดิตหรือ “ผิดจริง”

รับบทหนังหน้าไฟอีกครั้ง สำหรับ “นรวิชญ์ หล้าแหล่ง” ทนายความคดีจำนำข้าวของอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ออกมาโยนระเบิดใส่ ป.ป.ช. เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยกล่าวหา กรรมการ ป.ป.ช. รายหนึ่ง ว่า มีความพยายามให้จำเลยที่ติดคุกในคดีทุจริตระบายข้าวล็อตแรก ซัดทอดไปถึง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ และ “เครือญาติ”  ว่า เป็นผู้สั่งการในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง แลกกับสิทธิประโยชน์ไม่ต้องจำคุกในเรือนจำ แต่ให้อยู่ในโรงพยาบาล โดยอ้างเรื่องเจ็บป่วย

เป้าที่ นรวิชญ์ เอ่ยถึง คงหนีไม่พ้น “สุภา ปิยะจิตติ” กรรมการป.ป.ช. ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง 8 สัญญา 14 ล้านตัน

ส่วนจำเลยที่ติดคุก จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นนักโทษในเรือนจำคลองเปรมนานานกว่า 1 ปี 2 เดือน และเข้าออกโรงพยาบาลตำรวจหลายครั้ง เพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 42 ปี ในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี เมื่อเดือน ส.ค.ปีก่อน

คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ที่จู่ๆก็มีชื่อ ทักษิณ เข้ามามีส่วนพัวพันสั่งการกรณีทุจริตระบายข้าวจีทูจี “อีกครั้ง” เพราะหลายเดือนมานี้ อดีตนายกฯคนแดนไกลคนนี้ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองถี่ขึ้น ทำให้บรรดานักการเมืองพรรคเพื่อไทย คึกคักไปตามๆกัน ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับรัฐบาล คสช.

เกมไล่ล่า “ทักษิณ” จึงเกิดขึ้นซ้ำ เหมือนกับการฉายหนังม้วนเก่า แต่ทว่าการโยง ทักษิณ ว่าเกี่ยวข้องกับทุจริตระบายจีทูจีล็อตสองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แถมยังเปิดช่องให้ฝ่ายที่กำลังถูกไล่ล่าได้ “แต้มต่อ”

นั่นเพราะการที่ป.ป.ช. จะไปเกลี่ยกล่อม บุญทรง โดยหยิบยื่นอิสรภาพนอก “กรงขัง” และหวังว่า บุญทรง จะให้การซัดทอดใครต่อใครว่า เป็นจอมบงการตัวจริงนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และไม่จูงใจมากพอที่ บุญทรง จะกล้าเสี่ยงแปรพรรค

เพราะก่อนที่จะตกเป็นผู้ต้องขังในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก บุญทรง ไม่เคยปริปากซัดทอดถึงใคร ทั้งยังบอกกับเพื่อนว่า “กูพูดไม่ได้”  เพราะ บุญทรง รู้ดีว่า หากพูดบางอย่างออกไปจะเกิดผลอะไรตามมา สู้ก้มหน้ารับกรรม ยอมติดคุกเพียงคนเดียวยังดีเสียกว่า

อีกทั้งปัจจุบันครอบครัวเตริยาภิรมย์ ยังคงฝากอนาคตไว้กับตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ล่าสุด ลูกชายของบุญทรง “เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์” เตรียมลงสนามการเมืองภายใต้สังกัด “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และคนเป็นลูกชายกำลังมีอนาคตมากกว่าผู้เป็นพ่อ

ดังนั้น ความลับที่ บุญทรง พูดไม่ได้ จะถูกขังอยู่ในเรือนจำคลองเปรมไปอีกหลายสิบปี หรือไม่ทั้งหมดก็อาจจะตายไปพร้อมกับ บุญทรง

อีกทั้ง บุญทรง คงรู้ตัวดีว่าไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเชื่อมโยงถึงใครได้ เพราะตัวเองเป็นแค่ “หุ่นเชิด” ที่มารับบทเป็น “รมว.พาณิชย์” เพียงแต่ในนามเท่านั้น

เพราะกุญแจสำคัญที่จะไขความลับในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการผ่องถ่ายเงินขายข้าวหลายหมื่นล้านบาท ที่จะโยงไปยัง  “จอมบงการตัวจริง” ได้นั้น คือ  พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือ “หมอโด่ง” อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ ได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

นอกจากนี้ ความพยายามใน “พยานบุคคลและพยานหลักฐาน” มาเชื่อมโยง ทักษิณ ว่า  เกี่ยวพันกับทุจริตระบายข้าวจีทูจี ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน

เพราะเมื่อปี 2555 มีผู้แทนเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งถูกกันไว้เป็นพยานๆให้การว่า ได้เดินทางไปพบ “นักการเมืองใหญ่” ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเจรจาซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาล

แต่ท้ายที่สุด ผู้แทนเอกชนรายนี้กลับคำให้การในชั้นการไต่สวนฯของป.ป.ช.ว่า ไม่ได้เดินทางไปดูไบ และได้พบกับ “ผู้ใหญ่” รายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าข้าว ซึ่งไม่ใช่ “นักการเมืองใหญ่”

ต่อมาในปี 2559 เมื่อคดีไปถึงอัยการสูงสุด (อสส.) พนักงานอัยการ ได้มีหนังสือเพิกถอนเอกชนรายนี้ออกจากการเป็นพยานในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก เพราะหากนำขึ้นสืบพยานฝ่ายโจทย์ในชั้นศาลฯแล้ว ก็จะทำให้เสียรูปคดีได้

แต่นั่นก็สะท้อนได้ว่า การหา “พยานบุคคล” มาให้การซัดทอดไปถึงตัว ทักษิณ และเครือญาติ ยากเสียยิ่งกว่ายาก ส่วน “พยานเอกสาร” ไม่ต้องพูดถึง เพราะงานใหญ่ระดับนี้ ไม่มีการทิ้งร่องรอยอะไรให้เห็นกันอยู่แล้ว

จึงเท่ากับว่าคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีทั้งล็อตแรกและล็อตสอง รวมทั้งคดีทุจริตจำนำข้าวอื่นๆ จะหยุดลงที่ บุญทรง และพวก รวมทั้งอดีตข้าราชการประจำกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางที่จะโยงใยไปถึง ทักษิณ หรือใครอีกได้ 

 

แต่หากจะว่าไปแล้ว การออกมาเคลื่อนไหวของ นววิชญ์ แม้หลายฝ่ายจะเห็นตรงกันว่าเป็นหนึ่งในเกมดิสเครดิต ป.ป.ช. แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลคสช. ที่เป็นคนตั้ง กรรมการป.ป.ช.บางคน ซึ่งรวมถึงประธาน ป.ป.ช. พลอยหม่นหมองในสายตาชาวโลกไปด้วย เพราะถูกมองว่า จ้องเล่นงาน “หัวใจ” พรรคฝ่ายตรงข้าม ในช่วงที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที

ทั้งยังเป็นการโหมโรงให้การเดินทางไปบรรยายเรื่องการเมืองไทย ที่มหาวิทยาลัยในสต็อกโฮล์ม สวีเดน ของ ทักษิณ ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ให้ดูมีสีสันมากขึ้น นอกเหนือจากที่ กกต. รับลูก “บิ๊กคสช.” ที่ส่งสัญญาณให้ตรวจสอบกรณี ทักษิณ ครอบงำพรรคเพื่อไทย เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

เรียกได้ว่างานนี้ลงทุนน้อย เพราะแค่จับ “แพะมาชนกับแกะ” แต่ได้ผลคุ้มเหนื่อย แถมยังเป็นการเช็กกระแสว่าคนที่อยู่ในคุก มีทีท่าจะปันใจให้ฝ่ายโน้นหรือไม่

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า