ครูปรีชา เริงร่าศาลรับฟ้องคดีหวย 30 ล้านบาท เผยรอคอยวันนี้มานาน “มนุษย์และสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
20 ธ.ค. 2561 เวลา 13.10 น. หลังศาลพิจารณาประทับรับฟ้อง ในคดีที่ครูปรีชา ใคร่ครวญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์และรับของโจรแล้วนั้น ครูปรีชา พร้อมทนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส เดินทางออกมาจากห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดกาญจนบุรี (อ่านข่าว :“ครูปรีชา” ชนะยกแรก! ศาลรับฟ้องคดี “ลุงจรูญ” ยักยอกหวย 30 ล้าน)
โดยครูปรีชา เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ศาลได้มีคำสั่งว่า คดีมีมูลจึงประทับรับฟ้องไว้พิจารณา โดยได้มีการยื่นบัญชีพยานที่จะขึ้นให้การ ฝ่ายโจทก์ จำนวน 22 ปาก พยานฝ่ายจำเลยจำนวน 20 ปาก โดยนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 26-29 มีนาคม วันที่ 2-3 เมษายน 2562 รวม 6 นัด และนัดสืบพยานจำเลย จำนวน 20 ปาก ระหว่างวันที่ 4, 5, 11, 12, 18 และ 19 เมษายน 2562 รวม 6 นัด
“ในวันนี้ ศาลได้มีการสอบคำให้การจำเลย คือ ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล เนื่องจากจำเลยเดินทางมาศาลและอยู่ในการควบคุมของศาลจึงต้องสอบปากคำเลย โดยจำเลยให้การปฏิเสธ ก่อนศาลจะอนุญาตให้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวในวงเงิน 90,000 บาท ในส่วนของพยานโจทก์นั้น มีจำนวน 22 ปาก มีพยานบุคคลที่เคยขึ้นให้การแล้วและจะมาขึ้นให้การจำนวน 6 ปาก ส่วนที่เหลือยังไม่สามารถเปิดเผยได้”
ครูปรีชา กล่าวต่อว่า ยังคงมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่และยังคงยืนยันว่าตนเองเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง ซึ่งในวันนี้ที่ศาลได้มีการประทับรับฟ้องในคดีดังกล่าว ก็ถือเป็นการทำให้สังคมประจักษ์ว่า ลอตเตอรี่ชุดที่ถูกรางวัลมีที่มาที่ไป ตนจึงอยากขอบคุณศาลที่ใช้ดุลพินิจให้ความเป็นธรรมกับตน ซึ่งตนเชื่อมาเสมอว่าสักวันความจริงจะปรากฏ
นอกจากนี้ ครูปรีชา ได้ขอฝากข้อคิดให้กับผู้ที่ติดตามข่าวสารคดีหวย 30 ล้านมาโดยตลอดว่า มนุษย์และสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คนทำอย่างไรต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น สักวันความจริงจะต้องปรากฏและกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คน ส่วนเรื่องคดีความนั้น แม้จะต้องต่อสู้กันยาวนานก็ไม่มีปัญหา เพราะตนไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน และที่ตัดสินใจฟ้องร้องในครั้งนี้ ก็ไม่ใช่ต้องการเงิน เพียงแต่อยากพิสูจน์ความจริง ว่าตนเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริงและอยากให้คนทำผิดถูกลงโทษเท่านั้น หากตนชนะคดีครูปรีชากล่าวว่าจะแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนส่วนที่หนึ่งนำไปช่วยเหลือเด็กยากจนที่ขาดแคลนทุนการศึกษา ส่วนที่ 2 นำไปสร้างบ้านพักคนชราเพื่อช่วยเหลือคนชราที่ไม่มีคนดูแล และส่วนที่ 3 จะนำไปใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศล และบำรุงศาลหลักเมืองกาญจนบุรีต่อไป
ส่วนทางด้านทนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส กล่าวว่า หลังศาลประทับรับฟ้องแล้ว ตนจะนำเรื่องนี้ยื่นต่อกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ครูปรีชาได้กลับไปสอนที่โรงเรียนเทพมงคลรังสีเหมือนเดิม นอกจากนี้จะมีการพิจารณาฟ้องร้องในส่วนของบุคคลที่กล่าวให้ร้ายครูปรีชา เบื้องต้นคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10 คนแต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นใครบ้างแต่ยืนยันว่าจะไม่มีในส่วนของผู้สื่อข่าวและสื่อโซเชียลแน่นอน