รับน้องแม่โจ้ บทเรียนของสังคมไทย ที่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าโลกเราจะหมุนไปเร็วแค่ไหน… วัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณีรับน้อง ของไทย ก็ยังคงย้ำอยู่กับที่…
“คลุกโคลน เฟืองลนไฟ ดื่มน้ำเหล้า ข่มขืน จูบปาก เลียหัวนม ทำร้ายร่างกาย” ฯลฯ
พฤติกรรมการรับน้องสุดป่าเถื่อน ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เมื่อหลายสิบปีก่อน จนวันนี้ บริบทของสังคมไทย มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นมาก แต่พฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์เหล่านี้ ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จนได้ยินข่าวกันอยู่ในทุกปี ถึงการบาดเจ็บและเสียชีวิตของรุ่นน้อง หรือความคึกคะนองที่ทำให้เกิดความหมิ่นเหม่หรือเสื่อมเสียทางด้านศีลธรรม
อย่างล่าสุด ที่เกิดขึ้น ที่ มหาวิทยาลัยแห่งของ จ.เชียงใหม่ เมื่อ เพจ “รับน้องสร้างสรรค์ระดับโคตรมหากาฬ” ได้มีการโพสต์ภาพและข้อความ เหตุการณ์เรื่องราวของการรับน้อง ที่มีลักษณะไม่สร้างสรรค์ อีกทั้งเป็นการทารุณรุ่นน้อง เกิดจากการที่รุ่นพี่ใช้ ก้านกล้วยฟาดเข้าไปที่หลังในระหว่างการทำกิจกรรมรับน้อง
เหตุการณ์นี้ บ่งบอกถึง พฤติกรรม และความเชื่อผิดๆ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยไม่มีการนำบทเรียนที่เคยเกิดในอดีต มาทบทวนความเป็นปัจจุบัน รวมถึงขาดศีลธรรม ที่เป็นแก่นสำคัญของจิตใจ

เหตุผลที่แท้จริง…ของการรับน้อง
สาเหตุเริ่มต้นของ การรับน้อง เกิดจากที่นักศึกษาที่เข้าเรียนในสถานศึกษาแห่งใหม่ จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมถึงเรื่องราวของสถานศึกษานั้น การเตรียมตัวการเรียนและมารยาทต่างๆ ในสถานศึกษา การรับน้องเกิดขึ้นเพื่อให้ นักศึกษาใหม่ได้คุ้นเคยและทำความรู้จักกับรุ่นพี่ ที่จะสามารถสอนวิธีการปฏิบัติตัวในสังคมได้ การรับน้องถือเป็นกิจกรรมทีมีประโยชน์ในอดีต อย่างน้อย ก็รุ่นน้อง ได้รู้จักรุ่นพี่ นอกจากนี้ยังทำให้ทุกคนรู้รักสามัคคีกัน รู้จักปรับตัว รู้จักการวางตัว รวมทั้งกิริยามารยาทที่ควรปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น
ความเชื่อผิดๆ และพฤติกรรมเลียนแบบ ที่ส่งต่อ จากรุ่นสู่รุ่น
พฤติกรรม โลดโผน ดุดัน ก้าวร้าว รุนแรงและหยาบคาย ที่เกิดจากการรับน้อง คือ ภาวะยึดติดรูปแบบที่จะฝังลึกอยู่ในรากฐานจิตใจ และถูกส่งต่อโดยปริยาย เนื่องจากกิจกรรมรับน้อง จัดโดยรุ่นพี่ ที่อยู่ในสถานศึกษานั้นมาก่อน หลายครั้งที่ผู้อาวุโสกว่า จะมีการวางตัวข่มขู่เพื่อให้รุ่นน้องเป็นที่ยำเกรง ซึ่งนำไปสู่การใช้อำนาจในสังคมการศึกษาอย่างไม่ถูกต้อง โดยอ้างเหตุผลว่า “มันคือประเพณี”


กิจกรรมรับน้องที่ปรากฏในข่าว 2550-2562
- นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง “กลุ่มรามหลังสวน” กิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีพฤติกรรม ตั้งแต่คลุกโคลน มีการดื่มของมึนเมา ให้รุ่นน้องเพศเดียวกันจูบปากกันเอง ให้รุ่นน้องผู้หญิงเลียหัวนมเพื่อนผู้ชาย บังคับให้คนลงไปนั่งในถังขยะเหม็นๆ
- นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะดุริยางคศิลป์ขู่ทำร้ายและร่างกายและจะข่มขืนอาจารย์มหาวิทยาลัยที่วิพากษ์วิจารณ์การรับน้อง
- นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ชั้นปีที่ 2 ทำระเบิดเพื่อใช้ในการรับน้อง แล้วผิดพลาดเกิดการสูญเสียแขนซ้ายและขาทั้งสองข้าง
- นักเรียนจากวิทยาลัยปทุมธานีจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ที่อำเภอหัวหิน และมีรุ่นน้องเสียชีวิตหนึ่งราย
- อาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บังคับนักศึกษาให้ร่วมรับน้อง หากมิฉะนั้นจะโดนหักคะแนนเรียน
- สถาบันเทคโนโลยีชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสามเสน ถูก รุ่นพี่ที่รุมทำร้ายในกิจกรรมล้างสมองรุ่นน้องนานกว่า 2 เดือน จนร่างกายบอบช้ำ ไม่อยากไปเรียน
- มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ รุ่นพี่ปี 3 สั่งธำรงวินัยและทำร้ายรุ่นน้องจนม้ามแตก
- รายล่าสุด ม.ดังเชียงใหม่สุดโหด ใช้ไม้ห่อผ้า ฟาดลำตัวช้ำ-ขาจนหัก


รับน้องสร้างสรรค์ ก็ทำได้…แต่ทำไม ไม่ทำ!
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดกิจกรรมรับน้องใหม่อย่างสร้างสรรค์ พานักศึกษา 1,500 คน จากท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ เดิน 7 กม.ให้รู้จัก ซึมซับบรรยากาศของปัตตานี เมืองแห่งพหุวัฒนธรรม
- กิจกรรมรับน้อง ของสาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.บูรพา สร้างสรรค์ธีมผี เล่นใหญ่รัชดาลัยมากกกก

- มหาวิทยาลัย มหิดล ศาลายา ที่รุ่นพี่ ชวน รุ่นน้อง ร่วมกันสร้าง “สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย” ในกิจกรรมรักน้องเดินสู่ความดี “จิตอาสามหิดล: Mahidol Volunteer”
จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า ปัญหาการรับน้องในมหาวิทยาลัย มันสะท้อนถึงปัญหาทางโครงสร้างที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นวุฒิภาวะทางความคิด ปัญหาความขัดแย้ง และพื้นฐานสภาพจิตใจที่มาจากครอบครัวที่ต่างกัน
อาจจะยังไม่สายเกินไป ที่หลายฝ่ายจะต้องหันกลับมาทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก่อนที่สังคมไทยจะเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากจะยังคงไว้ ซึ่ง ประเพณีการรับน้อง รุ่นพี่ ก็ควรตระหนักถึงความเข้มแข็งทางจิตใจของรุ่นน้อง คำนึงถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ลดพฤติกรรมความรุนแรง และเพิ่มความสร้างสรรค์ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง เมื่อต้องตกเป็นจำเลยของสังคม