“มหาสมุทรของออสเตรเลียมีค่าความเป็นกรดเพิ่มขึ้น 30% นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1800 และอัตราการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันนั้นถือว่า ‘เร็วกว่าช่วงเวลาใดๆ ใน 300 ล้านปีที่ผ่านมาถึงสิบเท่า’!!!” นี่คือสิ่งที่ระบุไว้ในรายงานสภาพอากาศปี 2018 ของออสเตรเลีย ซึ่งอาจกำลังชี้ให้เราเห็นถึงความพีคของ ‘วิกฤติโลกร้อน’ ในแดนจิงโจ้
ท่ามกลางการโอบล้อมของสองมหาสมุทรใหญ่ ประเทศออสเตรเลียกำลังประสบกับสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้น ฤดูกาลของไฟป่าที่ยอดยาวกว่าที่เคย และปริมาณน้ำในมหาสมุทรที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยรายงานสภาพภูมิอากาศของสำนักอุตุนิยมวิทยาและ CSIRO ที่มีการวัดความแปรปรวนในระยะยาวและสังเกตการณ์แนวโน้มสภาพอากาศของออสเตรเลีย เพื่อเผยแพร่ทุกๆ 2 ปี ได้ชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นในระยะยาวเกี่ยวกับความถี่ของสถานการณ์ความร้อนแบบสุดขั้ว กับสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเกิดไฟป่า และภัยแล้งในออสเตรเลีย
ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกว่าออสเตรเลียกำลังประสบกับวิกฤติความร้อน ความยาวนานของฤดูกาลไฟป่า ปริมาณน้ำในมหาสมุทรที่เพิ่มสูงขึ้น และคลื่นความร้อนเหนือมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกที่รายล้อมประเทศนี้อยู่ โดยรายงานฉบับปี 2018 ยังแสดงให้เห็นแนวโน้มความร้อนในระยะยาวของออสเตรเลียที่กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับสภาพอากาศที่ค่อยๆ ร้อนขึ้น ทำให้อุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้นมากกว่า 1 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ปี 1910 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มต้นการบันทึก
ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวได้แสดงการค้นพบที่สำคัญหลายอย่าง ได้แก่
– ฤดูกาลไฟป่าของออสเตรเลียได้ยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น ในบางพื้นที่ของประเทศมีการแผ่ขยายลุกลามไปเป็นเดือนๆ
– จำนวนวันที่มีความร้อนสูงยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
– มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไปสู่ความแห้งแล้งในภาคใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียหลายเดือน ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม
– ปริมาณน้ำฝนทั่วออสเตรเลียตอนเหนือเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนเขตร้อน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
– อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรอบ ๆ ออสเตรเลียสูงขึ้นประมาณ 1 องศาเซลเซียสตั้งแต่ปี 1910 ทำให้เกิดคลื่นความร้อนจากทะเลนานขึ้นและบ่อยขึ้นซึ่งส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเลอย่างเช่นปะการัง
– ระดับน้ำทะเลทั่วออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้นกว่า 20 ซม. ตั้งแต่เริ่มบันทึก และมีอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ
– มหาสมุทรมีค่าความเป็นกรดเพิ่มขึ้น 30% นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1800 และอัตราการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันนั้นถือว่า ‘เร็วกว่าช่วงเวลาใดๆ ใน 300 ล้านปีที่ผ่านมาถึงสิบเท่า’
โดย Helen Cleugh ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สภาพอากาศ CSIRO ระบุว่าขณะนี้ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศซึ่งมีผลกระทบต่อประสบการณ์หรือความรู้สึกของผู้คน ชุมชน และภาคส่วนต่างๆ ขณะที่ Karl Braganza ผู้จัดการสำนักตรวจสอบสภาพภูมิอากาศของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา เผยถึงวิกฤติครั้งนี้ว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยมีผลกระทบอย่างมากต่อออสเตรเลีย โดยมีความร้อนเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน มีฝนตกลดลง 20% ทางตะวันตกเฉียงใต้ และบางแห่งมีปริมาณน้ำฝนสูงมากถึง 26% ส่วนทางตอนใต้ของออสเตรเลียตะวันออกมีฝนตกลดลง 11% ในเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม
รายงานยังชี้ให้เห็นถึงจำนวนวันที่เพิ่มขึ้นจากอันตรายของไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ของออสเตรเลีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่ง Braganza บอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเรื่องฤดูไฟป่าที่ยาวนาน สภาพอากาศที่เกิดเพลิงไหม้ได้ง่ายมากขึ้นในช่วงฤดูนี้ และเพิ่มความรุนแรงขึ้น
มองดูแล้วนี่น่าจะเป็นสถานการณ์ ‘โลกร้อน’ ที่ผสมรวมทุกภัยความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และเป็นสิ่งท้าทายมากที่สุดของคนออสเตรเลีย (และน่าจะขยายออกไปสู่คนทั่วโลก) ให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนี้นะคะ
ที่มา: www.theguardian.com