สธ.เตือนภัยโควิด “โอมิครอน” ระดับ 3 อาจติดเชื้อสูงสุดวันละ 3 หมื่นคน

กระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยโควิด ระดับ 3 ต้องเข้ม COVID Free Setting ป้องกันตนเองสูงสุด หากไม่ร่วมมือป้องกันอาจติดเชื้อสูงสุดวันละ 3 หมื่นคน

วันนี้ (27 ธันวาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ฉากทัศน์การแพร่ระบาด และการปฏิบัติตัวของประชาชน โดย นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศพบติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 514 ราย ส่วนใหญ่อาการน้อยหรือไม่มีอาการ โดยพบอาการไอมากที่สุด 54% รองลงมาคือ เจ็บคอ และไข้ เมื่อให้ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่ต้น อาการจะดีขึ้นใน 24-72 ชั่วโมง ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์สำรองประมาณ 15.6 ล้านเม็ด ประมาณการณ์ใช้ได้อย่างน้อย 2 เดือน และองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตเพิ่มเติมได้ถึง 60 ล้านเม็ด สำหรับเตียงรักษามี 1.7 แสนเตียง ปัจจุบันมีการใช้ 13.7% ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่อาการไม่มากจะเน้นการดูแลที่บ้านและชุมชนเป็นหลัก

นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำระดับการเตือนภัยโควิด 5 ระดับ โดยพิจารณาจากความเสี่ยงของสถานการณ์ ความครอบคลุมการได้รับวัคซีน 2 เข็มในกลุ่ม 607 และการพบการระบาดแบบ คลัสเตอร์ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในระดับ 3 นอกจากนี้ ได้จัดทำฉากทัศน์เพื่อรับมือสถานการณ์โอมิครอน ซึ่งอาจเกิดได้ 3 รูปแบบ คือ

1.Least favourable ฉากทัศน์ที่ไม่อยากให้เกิด คือ การแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น ฉีดวัคซีนได้ใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การปฏิบัติตามมาตรการ UP และ VUCA ได้น้อยหรือไม่ปฏิบัติ การติดเชื้อจะสูงถึง 3 หมื่นรายต่อวัน เสียชีวิต 170-180 รายต่อวัน ใช้เวลาควบคุม 3-4 เดือน

2.Possible การแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น ฉีดวัคซีนได้ใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา แต่มีการปฏิบัติตามมาตรการ UP และ VUCA ดี ผู้ติดเชื้ออาจอยู่ที่ 1.5-1.6 หมื่นรายต่อวัน จากนั้นค่อยทรงตัวและลดลง

3.Most favourable ฉากทัศน์ที่ดีที่สุด คือ ควบคุมการระบาดในประเทศได้ดี เร่งฉีดวัคซีนได้มากกว่าปกติ ร่วมกับมีการปฏิบัติตามมาตรการ UP และ VUCA เต็มที่และลดกิจกรรมรวมกลุ่ม อาจจะมีผู้ติดเชื้อ 1 หมื่นรายต่อวัน เสียชีวิต 60-70 รายต่อวัน และควบคุมโรคได้ภายใน 1-2 เดือน

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลทั้งต่างประเทศและในประเทศ ล่าสุดพบว่า สายพันธุ์โอมิครอนมักทำให้เกิดอาการของทางเดินหายใจส่วนบน คือ ไข้ ไอ เจ็บคอ บางรายอาจมีปอดอักเสบแต่ไม่มาก เกือบทุกประเทศรายงานตรงกันว่าไม่รุนแรงไปกว่าเดลตา ส่วนประเทศไทยจากการดูแลรักษาผู้ป่วยโอมิครอน 100 รายแรก พบ 48% ไม่มีอาการ อีก 41% มีอาการไม่มาก ที่สำคัญ ไม่มีรายใดใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิต โดยพบ ปอดอักเสบเล็กน้อย 7 ราย ในจำนวนนี้ 2 รายมีค่าออกซิเจนในเลือดลดลงเล็กน้อย ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และพบว่าผู้ป่วยทุกรายได้รับวัคซีนครบ 2 โดส แสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนช่วยลดความรุนแรงได้ และการฉีดเข็มกระตุ้นจะช่วยให้ป้องกันได้ดีขึ้น

สำหรับเตียงรองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่ต้องใช้ออกซิเจนแบบไฮโฟลว์และเตียงสีแดง ทั้งประเทศมี 11,000 เตียง รองรับผู้ป่วยได้ 785 คนต่อวัน หากรวมเตียงสีเขียวด้วยจะรับผู้ป่วยโควิด 19 ได้ถึง 52,300 คนต่อวัน สำหรับ กทม.และปริมณฑล ประเมินว่ารับได้ไม่เกิน 8 พันคนต่อวัน ซึ่งกทม. เคยมีผู้ป่วยมากที่สุดประมาณ 5 พันคนต่อวัน จำนวนเตียงถือว่ายังรองรับได้ และยังสามารถเพิ่มขยายเตียงได้อีก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนครึ่งหนึ่งไม่มีอาการ จึงเน้นการดูแลที่บ้านและชุมชน (HI/CI) โดยปรับให้ติดต่อกลับผู้ป่วยภายใน 6 ชั่วโมงหลังทราบผลตรวจ ซึ่งกทม. ได้เตรียมพร้อม CI ไว้ทุกเขตแล้ว กรณีผู้ป่วยเด็กได้เตรียมทั้งยา เวชภัณฑ์สำหรับเด็ก และเตียงในโรงพยาบาลสำหรับเด็กที่มีอาการรุนแรง ส่วนกลุ่มแรงงานต่างด้าวเน้นทำ Factory Isolation เพื่อแบ่งเบาการใช้เตียง

นพ.โอภาส กล่าวว่า การเตือนภัยโควิดพิจารณาข้อมูลจากหลายปัจจัย ได้แก่ ระดับความเสี่ยงของสถานการณ์จากอัตราผู้ติดเชื้อต่อแสนประชากรรายสัปดาห์ ความสามารถในการรองรับดูแลผู้ป่วย ความครอบคลุมของวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง และการระบาดเป็นกลุ่มก้อน แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ

1.ใช้ชีวิตตามปกติ (สีเขียว) สามารถเปิดทุกอย่างได้ภายใต้มาตรการ COVID Free Setting เดินทางเข้าประเทศได้ตามปกติ

2.เร่งเฝ้าระวังคัดกรอง (สีเหลือง) จำกัดเข้าสถานที่ปิด เริ่มระบบ Test &Go

3.จำกัดการรวมกลุ่ม (สีส้ม) งดเข้าสถานที่ปิด ทำงานที่บ้าน คัดกรองก่อนเดินทาง เปิดระบบแซนด์บ็อกซ์

4.ปิดสถานที่เสี่ยง (สีแดง) เปิดเฉพาะสถานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่ ใช้ระบบกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศแบบลดวันกักตัว

5.จำกัดการเดินทางและกิจกรรม (สีแดงเข้ม) โดยรวมกลุ่มไม่เกิน 5 คน เพิ่มมาตรการเคอร์ฟิว และกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศทุกราย

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่าอยู่ในระดับ 3 โดยสามารถไปสถานที่เสี่ยงได้ เช่น ร้านอาหาร แต่ควรเป็นระบบเปิด อากาศถ่ายเทสะดวก คนไม่แออัด ดื่มสุราได้ การรวมตัวหมู่มากไม่ควรเกิน 200 คน ดำเนินกิจการตาม COVID Free Setting เดินทางข้ามจังหวัดได้ หากเกิน 4 ชั่วโมงควรมีการตรวจ ATK ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา สวมหน้ากาก 100% ชะลอการเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อกลับเข้าประเทศช่วง 7 วันแรก ขอให้สังเกตอาการตนเอง อย่าเพิ่งทำกิจกรรมที่ต้องถอดหน้ากากในคนหมู่มาก หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง ทั้งคนในครอบครัวและคนรู้จัก และช่วงกลับมาทำงานหลังเทศกาลปีใหม่อาจมีการระบาดมากขึ้น ขอให้ทำงานที่บ้านอย่างต่อเนื่องและตรวจคัดกรองก่อนเข้าทำงาน

ข่าวที่น่าสนใจ

แอบอ้าง? สนธิญา ร้องตร.ตรวจสอบเฟซบุ๊ก เพชร กรุณพล ปมข้อความไม่เหมาะสม

เปิดขั้นตอน! เปลี่ยนสถานพยาบาลสิทธิบัตรทอง ผ่านแอป สปสช. ทำได้ด้วยตัวเอง

วงแตก! ตำรวจบุกบ่อนไก่ นักพนันหนีตายกันสุดชีวิต น้ำคลองดำปี๋ก็ไม่หวั่น!!

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

คลิปใหม่! เบียร์ เดอะวอยซ์ โชว์เสียว 18+ ฉลอง 1 ล้านวิว [มีคลิป]

แรงตั้งแต่เพลงยังไม่จบ เบียร์ เดอะวอยซ์ เสิร์ฟคอนเทนต์ฉลอง 1 ล้านวิว ทำเอาโซเชียลแทบหยุดหายใจ เรียกเสียงฮือฮาตั้งแต่วันเปิดตัวจริงๆ สำหรับมิวสิกวิดีโอ […]

คลิปใหม่ล่าสุด F-16 ทิ้งไข่ใส่หัวทหารเขมร แม่นเหมือนจับวาง

เปิดคลิปใหม่ล่าสุดวันนี้ F-16 ทิ้งไข่ใส่หัวทหารเขมร เสียงดังสนั่นบนภูเขา ด้านทหารไทยสั่งเข้าตีต่อทันที

อัลเทอร่า vs โบท็อกหน้าเรียว เลือกอะไรดี? เทียบชัดจบทุกปัญหา

หน้าใหญ่จากกล้ามเนื้อหรือผิวหย่อนคล้อย? เทียบชัดอัลเทอร่า vs โบท็อกหน้าเรียว เลือกอะไรดีให้เหมาะกับคุณ อ่านสรุปจบก่อนตัดสินใจ

ด่วน! รวบคาบ้าน มนัส บุญจํานงค์ ฮีโร่โอลิมปิคฐานฉ้อโกง

ตำรวจสอบสวนกลาง บุกรวบคาบ้านพักแห่งหนึ่ง มนัส บุญจํานงค์ อดีตฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทอง เหรียญเงินในความผิดฐานฉ้อโกง 19 ธ.ค. 68 มีรายงานข่าวว่า ตำรวจสอบสว […]

TIJ จับมือ WJP – กกร. ภาครัฐ–เอกชน ยกระดับหลักนิติธรรมไทย

TIJ ผนึก WJP และ กกร. รวมพลังภาครัฐ–เอกชน ยกระดับหลักนิติธรรมไทย สร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล

เฉลย! เขมรยิงโดรนไทยร่วง ที่แท้เป็นเป็นอากาศยานไร้คนขับแบบ DP-20 ของกองทัพบก

เพจดังยืนยันแล้ว เขมรยิงโดรนไทยร่วง ที่ปอยเปตพบเป็นอากาศยานไร้คนขับแบบ DP-20 หรือ D-eyes 04 ของกองทัพบกไทย
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า
ปิดโหมดสีเทา