พยาบาลขอระบาย หลังโรงพยาบาลต้องรับคนไข้เกินศักยภาพ ห้องฉุกเฉินไม่สามารถรับคนไข้ฉุกเฉินได้ พยาบาลทำงานหนักต้องดูแลคนไข้กว่า 30 ราย
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ผู้ประกาศข่าวชื่อดังอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เป็นเรื่องราวของพยาบาลรายหนึ่งที่ระบายถึงสถานการณ์ของโควิด19 ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในปัจจุบัน โดยได้ระบุข้อความว่า
“วันนี้ขอมาเล่าสู่ฟังในฐานะพยาบาลห้องฉุกเฉินในฐานะที่ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโควิดและไม่ใช่โควิดย้อนกลับไปเมื่อเดือน กค ที่ผ่านมา…ยอดคนไข้โควิดที่รอ Admit 20-30 กว่าเคสว่าเยอะแล้วล่าสุดเดือน สค ยอดที่รอ Admit ปาเข้าไป 40 กว่าเคสแล้ว อีกหน่อยคงถึง 100 แน่ๆเยอะกว่า ward ผู้ป่วยในแต่ล่ะแผนกด้วยซ้ำคำนิยามของ ER ( Emergency Room )คือ ดูแลคนไข้ให้พ้นภาวะวิกฤติ ภาวะคุกคามถึงชีวิตแล้วส่งต่อให้แผนกเฉพาะทางดูต่อ
แต่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะที่นี่ให้ ER รับผิดชอบคนไข้โควิดที่รอ Admit ทั้งที่ควรจะเป็นหน้าที่ของ Ward Covid
Ward covid ของ รพ มีรับยอดชัดเจน 10-20 เคสก็แล้วแต่ ward นั้นๆ ยอดเต็มคือเต็ม ถ้าเตียงว่าง อาจจะมีรับย้ายหรือรับใหม่
แต่ ER ไม่มีคำว่าเต็ม ยกตัวอย่าง เช่นมีเคส walk-in เข้ามา ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดท้อง ปวด…บลาๆๆ เดินมา รู้ตัวรู้เรื่องดี คำแนะนำแรกที่ผู้รับบริการจะได้คือ รอนานนะ รอหลายชั่วโมงนะ บอกไม่ได้นานแต่ไหน ขณะคุยๆอยู่นั้น อ้าว มีเข็นรถนอนเข้ามา คนไข้เหนื่อยมาก ซึม เรียกไม่ตอบสนอง ออกซิเจนต่ำมากๆ หมอและพยาบาลต้องรีบให้การช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้จะใส่ท่อช่วยหายใจก็ทำไม่ได้ เครื่องช่วยหายใจไม่พอ ห้องแรงดันลบไม่ว่างมีเคสโควิดรอ Admit นอนค้างอยู่ แล้วจะทำอย่างไรดี
มาถึงจุดๆนี้ ญาติต้องทำใจเพราะมันเกินศักยภาพมากๆ พอญาติเข้าใจจุดนี้หมอจะทำการรักษาแบบประคับประคอง ให้ออกซิเจน ให้ยาให้สงบ และทรมานน้อยที่สุดทุกๆวัน เหตุการณ์จะวนไปแบบนี้จนหมดวันพอให้การพยาบาลคนไข้วิกฤตเสร็จก็ต้องกลับมาดูคนไข้ที่ไม่ฉุกเฉินต่อ อ้าววว นี่คนไข้รอหมอตรวจหรือรอพยาบาลมาหลายชั่วโมงแล้วนี่ บางคนนานเกิน 3-4 ชม. บางคนรอได้เพราะเข้าใจ บางคนรอไม่ได้เพราะไม่เข้าใจก็มี บางคนรอจนดีขึ้นเอง กลับบ้านหรือแม้กระทั่งรอจนอาการแย่ จนถึงขั้นไม่ไหวก็เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่เศร้ามากๆ ในชีวิตการเป็นพยาบาล
ในแต่ล่ะเวรจะมีพยาบาลขึ้นเวร 6-9 คน พอถึงเวลาที่ต้องให้การพยาบาลผู้ป่วยโควิด ไม่ว่าจะเป็นวัดไข้ วัดความดัน ฉีดยา ป้อนข้าว ป้อนยาเปลี่ยนแพมเพิร์ส จะต้องมีพยาบาลไปดูคนไข้โควิด 3-6 คน/คนไข้ 30-40 กว่าคน ใช้เวลาดูนานแค่ไหน รอบล่ะ ประมาณ 2-3 ชม/ครั้ง ในชุด PPE ที่ร้อนมากๆ แต่ก็ต้องอดทน เพราะไม่ทำก็ไม่ได้
อ้าวววว แล้วถ้าพยาบาลไปดูคนไข้โควิดเกือบหมด คนไข้ที่ไม่ใช่โควิดใครจะดูแล ก็คงเป็นพยาบาล อีก 3 คน ที่เหลือ ซึ่ง 3 คนนี้มีหน้าที่ต่างกัน คร่าวๆ ดังนี้
1.พยาบาลหัวหน้าเวร ที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน รับเคสเข้า ส่งเคสออก รับเวร ส่งเวร รายงานข้อมูลต่างๆของคนไข้แก่หมอ
2.พยาบาลคัดกรอง ที่ทำหน้าที่แยกประเภทความเร่งด่วน เช่น
- คนไข้ด่วนมากต้องช่วยเหลือทันทีไม่เช่นนั้นอาจเสียชีวิต
- คนไข้ด่วนที่รอได้แค่ 10 นาทีไม่เช่นนั้นอาจเสียชีวิต
- คนไข้รอได้ 1 ชม.และรอได้ไม่จำกัดเวลา
และเมื่อคัดกรองเสร็จก็ทำหน้าที่รายงานหมอให้รีบดูคนที่ด่วนที่สุดก่อนและหน้าที่ที่
3.พยาบาลรับคำสั่งหมอ เช่น เจาะเลือด ฉีดยา ให้น้ำเกลือ ใส่สายให้อาหาร ใส่สายสวนปัสสาวะ ทำแผล เย็บแผล ส่งคนไข้ไปเอ็กซเรย์ บลาๆๆๆ คนไข้ 1 คนต้องมีหัตถการหลายอย่าง กว่าจะเสร็จคนไข้ 1 คนปาไปเกือบ ชม.คนไข้คนอื่นๆก็รอต่อไปตามความเร่งด่วน
ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ควรเป็นแบบนั้นเพราะ ที่นี่คือแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ไม่ใช่หอผู้ป่วยเฉพาะทางโควิด พยาบาลที่ขึ้นเวร 6-9 คน ควรได้มาช่วยเหลือคนไข้ที่ Emergency จริงๆ เพื่อช่วยให้คนไข้มีชีวิตรอดมากขึ้น และกลับไปใช้ชีวิตในครอบครัวได้ปกติมากที่สุด
วอนผู้ที่เกี่ยวข้อง รับทราบปัญหาและเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ทีคะตอนนี้ห้องฉุกเฉินไม่สามารถช่วยชีวิตคนไข้ฉุกเฉินได้เท่าที่ควรทำได้ 100% แล้วเพราะยอดรอ Admit โควิดมันเยอะกว่า ward อื่นๆ มากๆ ภาระงานเยอะขึ้น ดูแลคนไข้ไม่ตรงบริบทห้องฉุกเฉิน คนไข้แย่ลง เพราะรอนาน ดูแลไม่ทั่วถึงทำให้เกิดการสูญเสียขึ้นในครอบครัวนั้นๆ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน”
ข่าวที่น่าสนใจ
ปิดคดี! ฆ่าแหม่มชาวสวิส บังหลี อ้าง เห็นเหยื่อเปลือยท่อนล่าง เกิดอารมณ์-พลั้งมือ
อดีตรองผกก.ฝอ. เตือนตำรวจรุ่นน้อง ไม่อยากเห็นตำรวจผู้น้อยโดนคดีตามนาย
หนุ่ม กรรชัย ขอบคุณลุงต๋อย ที่ทำหน้าที่เป็นด่านสุดท้าย ลุงได้แว่นและประกันชีวิตแล้วตามสัญญา