“ข้าวโพด สมิทธินันท์” เปิดใจบทเรียนชีวิต เจ็บจากความไว้ใจ ถูกสังคมซ้ำเติม สอนให้คัดกรองคน
กลายเป็นอีกหนึ่งเสียงจากผู้เสียหายที่สังคมจับตา สำหรับ ข้าวโพด สมิทธินันท์ ที่ออกมาเปิดใจถึงมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ หลังถูกเพื่อนสนิทชักชวนลงทุนจนเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบทั้งด้านการเงิน สภาพจิตใจ และความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยข้าวโพดได้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดผ่านรายการ Sisterhood Podcast เพื่อให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนชีวิต ไม่ใช่เพียงบาดแผลที่ถูกฝังไว้
ข้าวโพดยอมรับว่าช่วงแรกของเหตุการณ์ จิตใจย่ำแย่อย่างหนัก แต่พยายามไม่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความเศร้า เพราะเชื่อว่าหากปล่อยให้แย่ ชีวิตก็จะพังลงไปมากกว่านี้ เธอจึงเลือกปฏิเสธการจมอยู่กับความทุกข์ และค่อย ๆ ประคองใจตัวเองให้ผ่านแต่ละวันไปให้ได้
หนึ่งในวิธีเยียวยาหัวใจของข้าวโพด คือการดูแลตัวเองอย่างจริงจัง ทั้งการพบจิตแพทย์ อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ซึ่งช่วยให้สภาพจิตใจค่อย ๆ ดีขึ้น แม้จะยังมีวันที่จิตตก เมื่อเห็นข่าวหรือกระแสจากทั้งสองฝั่ง
ข้าวโพดสะท้อนความรู้สึกตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่เจ็บไม่แพ้การถูกโกง คือการถูกสังคมบางส่วนมองในแง่ลบ ทั้งที่เธอและครอบครัวคือผู้เสียหายตัวจริง ถูกหักหลังเหมือนถูกถีบให้ล้ม แต่กลับถูกมองเป็นตัวร้าย ในขณะที่อีกฝ่ายกลับได้รับความเห็นใจ
เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกับครอบครัว ลูก ๆ ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ คิดถึงเพื่อนสนิท ร้องไห้เกือบทุกวันในช่วงแรก ขณะที่ชีวิตคู่ก็เผชิญแรงสั่นสะเทือนอย่างหนัก บ้านแทบแตกจากปัญหาที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน
หลังเกิดเรื่อง ข้าวโพดยอมรับว่ามีคนเข้าหาเธอมากขึ้น ทั้งเพื่อนเก่าและคนใหม่ แต่เธอเลือกปิดประตูมากขึ้น และใช้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องกรองคนในชีวิตว่า ใครคือคนที่รักและหวังดีกับเธอจริง ๆ
ข้าวโพดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า วันนี้ยังไม่สามารถให้อภัยได้ทั้งหมด แต่ในใจลึก ๆ ยังอยากให้อภัย เพราะเชื่อว่าการไม่ให้อภัยคือการทำร้ายตัวเอง และเวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาหัวใจได้
ท้ายที่สุด ข้าวโพดทิ้งบทเรียนสำคัญว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอยังเลือกเป็นเพื่อนเหมือนเดิม แต่จะไม่ขอร่วมลงทุนอีก เพื่อไม่ต้องแลกทั้งเงิน ความเชื่อใจ และมิตรภาพที่เคยมี