แร็ปเปอร์ชื่อดังของภาคเหนือ ออกมาเล่าประสบการณ์ ใช้ชีวิตตึงเกินไป ทำให้ร่างกายป่วยหนัก เกือบไม่รอด พร้อมเผยสาเหตุการป่วย
ปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักแร็ปเปอร์ชื่อดังจากภาคเหนือ อย่าง ปู่จ๋าน ลองไมค์ หรือ พิษณุ บุญยืน โดยช่วงที่ผ่านมาเจ้าตัวขยันทำงาน ทั้งทำอัลบั้ม , บินไปแสดงคอนเสิร์ตในหลายๆ ที่ และอื่นๆ อีกมากมาย จนตารางแน่นเอี๊ยดแทบไม่ได้พักผ่อน กระทั่ง ปู่จ๋าน ได้ออกมาโพสต์ข้อความบอกกับแฟนๆ ว่าตนเองป่วยต้องเข้าแอดมิทโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน พร้อมเลื่อนคิวงานทั้งหมด ทำเอาแฟนคลับต่างเป็นห่วงอย่างหนัก

ปู่จ๋าน ลองไมค์ เผยสาเหตุการป่วย
ซึ่งวันทที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา จ้าตัวนั้นมีอาการปวดศรีษะ มีไข้สูง มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย มีแผลในช่องปาก มีน้ำมูก เจ็บคอและไอรุนแรง จึงเข้าพบแพทย์ และได้รับผลวินิจฉัยว่า มีอาการเข้าข่ายโรคไข้ออกผื่นสงสัยโรคหัด จึงต้องเข้าแอดมิทเพื่อทำการเจาะเลือดตรวจเชื้อ รอผลตรวจเลือด 3 วัน และรักษาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ปู่จ๋าน ได้ออกโพสต์ข้อความร่ายยาว อัปเดตอาการป่วยให้แฟนๆ ได้ทราบว่า “เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมออกกำลังกายอย่างหนัก ทั้งวิ่ง ทั้งเวท หวังลีนหุ่น ใช้เดือนเมษายน ตัดแป้งตัดน้ำตาล กินน้อยลง แถมนอน 6 โมงเช้าทุกวัน เพราะโหมทำอัลบั้ม ตื่นได้ก็ไปถ่ายคลิป ทุ่มสองทุ่มก็เข้าฟิสเนสต่อ กลับบ้านทำอาหารไลฟ์สด ทำเพลง บินไปคอนเสิร์ตไปกลับวนแบบนี้ จนถึงจุดที่ภูมิต้านทานตกนี่แหละ
คือเหตุปัจจัยด้วยความประมาท ล้วนๆ จึงทำให้ป่วยหนัก ต้องมานอนโรงบาล ในชีวิตนี้นอนโรงบาลครั้งแรก ในภาพลักษณ์คนอาจมองว่าผมขี้เมา แต่ใครรู้จักตัวจริงผม ผมไม่ดื่มเหล้าไม่ดูดบุหรี่ ผมก็ตั้้งคำถามว่า เพื่อนๆ ที่ดื่มเหล้าทำไมเขาไม่ป่วย ก็มานั่งวิเคราะเพราะเขาเหล่านั้นไม่ตึงเครียด กินเหล้าเสร็จ กินกับแกล้มแบบสารอาหารครบถ้วน ต่างจากผมที่ไม่กินนั้นนู้นนี่ กินเหล้าเสร็จร้องรำทำเพลง ต่างจากผมที่ต้องใช้ความคิดจนปวดหัว กินเหล้าเสร็จแล้วนอน ต่างจากผมที่ไม่หลับ ไม่นอน วันนี้จึงได้รู้ว่าตัวเองตึงเกินไป ตึงจนเกือบจบชีวิต มันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ในการใช้ชีวิตของผม
#มันไม่ใช่เวรกรรมอะไร ทั้งนั้น #ทุกอย่างเกิดตามเหตุตามปัจจัย ชีวิตเป็นสิ่งมีค่ากว่าทรัพย์ได้ทั้งหมด ชีวิตคือการเรียนรู้ ขนาด 35 แล้วยังหลงทาง ขอบคุณการป่วยครั้งนี้ได้อะไรเยอะเลย ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ขอบคุณพี่ดอนที่คอยจัดการเรื่องราวต่างๆ ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคน ขอบคุณหมอ แพทย์ พยาบาล และขอบคุณตัวเองที่ทำประกันสุขภาพ”

