เอ๋ อรชัญญาช์ ร่ำไห้เปิดใจกับสื่อมวลชน หลัง เมฆ วินัย เสียชีวิต พร้อมเผยถึงลางบอกเหตุ และห่วงสุดท้ายของสามี
แฟนคลับและคนในวงการบันเทิงต่างโศกเศร้าเมื่อได้ทราบว่า เมฆ วินัย ไกรบุตร ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบในวัย 54 ปี เมื่อคืนวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา จากภาวะความดันตก ติดเชื้อในกระแสเลือด จนกระทั่งหัวใจหยุดเต้น เมื่อเวลา 23.49 น. หลังจากที่ต่อสู้กับโรคร้ายตุ่มน้ำพองมานานกว่า 5 ปี

ภรรยาเผยห่วงสุดท้าย หลัง เมฆ วินัย เสียชีวิต
ล่าสุดทางด้านภรรยาอย่าง เอ๋ อรชัญญาร์ ได้นำร่างของ เมฆ วินัย ไปประกอบพิธีศาสนาที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต และจะมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 21 มีนาคม 2567 พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า “พี่เมฆเข้าโรงพยาบาลล่าสุดวันที่ 18 มีนาคม 2567 แต่ก่อนหน้านั้นวันที่ 15 น้องเขาเล่าให้ฟังว่าพี่เมฆหยุดหายใจไปชั่วขณะช่วงที่พี่ออกไปรับลูก และพี่ก็รีบกลับบ้าน พอกลับไปถึงน้องเขาก็กระตุ้นให้ฟื้นก่อน ตอนแรกพี่คิดว่าเขาอาจจะแค่ค้างไป แต่พอหลังจากนั้นเขาก็มีอาการแปลกๆ ไป คือเขาก็จะเรียกหอมตลอดเวลาแล้วก็บอกรัก ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้อยู่ 2-3 วัน แล้วเขาก็รู้สึกเหนื่อยมากเลย
ซึ่งเราคิดว่าเขาเหนื่อยจากแผล ซึ่งเราก็บอกให้เขานอน บอกให้เขาพัก พอวันที่ 18 เขาก็มีอาการเกร็งและเราก็เรียกฉุกเฉิน หลังจากวันนั้นพี่กับเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เขาก็ไม่มีสติอีกเลย ซึ่งเราก็มีลางสังหรณ์เหมือนกันว่ามันผิดปกติ เพราะเขาไม่เคยบ่นเหนื่อย และพูดกับพี่อยู่เสมอว่าให้สู้ไปด้วยกัน สู้อีกนิดเดียวก็จะหลุดแล้ว ในช่วงที่เขาพูดประโยคเหล่านั้นมาเราก็ใจไม่ดี แต่เราก็ไม่คิดว่าเขาจะไป คิดแค่ว่ารอบนี้อาจจะหนัก ไม่คิดว่าจะไปไว

ตอนแรกคุณประเมินว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะว่าอุณหภูมิในร่างกายเขา 36 องศาตลอด และความดันก็ตก หัวใจเขาเต้นช้าลง และน้ำเริ่มท่วมปอด แต่ด้วยความดันตก มันไม่สามารถรีดน้ำออกจากปอดได้ มันเป็นภาวะที่อันตรายก็เลยปล่อย ซึ่งพี่ก็อยู่กับเขาทั้งวันเมื่อวานจนเขาไป ซึ่งก่อนจะจากไปหมอก็ให้พี่เข้าไปคุย พี่ก็บอกกับเขาว่าให้เขาสู้ แต่ถ้าสู้ (ร้องไห้) มัน 5 ปีแล้ว มันยาวนาน เขาสู้มาตลอด พี่เขาสู้มากเลย และเขาก็จะคิดถึงครอบครัวตลอด ซึ่งเขาก็จะบอกว่าสู้เพื่อเรานะ พี่ก็จะบอกว่าให้สู้ให้ถึงที่สุด แต่ถ้ามันไม่ไหว ถ้าเหนื่อยพี่ก็พักนะ”
เมื่อนักข่าวถามว่า เมฆ วินัย ยังมีห่วงอะไรอีกไหม ? ด้าน เอ๋ เผยว่า “เขาก็รักและห่วงเรานะ เราก็ต้องเป็นคนบอกเขาว่าพี่ไหว เขาจะถามตลอดว่าพี่ไหวไหมดูแลในบ้านทุกอย่าง มันเป็นภาระของเรามาตลอด เขาก็ถามพี่เสมอ พี่ว่าที่เขาฝืนเพราะว่ากลัวพี่ไม่ไหว แต่พอพักหลังมาพี่ออกสื่อบ่อย บอกว่าพี่ไหว พี่ทำได้ ไม่ต้องห่วง เขาก็คงหมดห่วง อยากบอกเขาว่าไม่ต้องห่วงแล้ว เขาทำดีที่สุดแล้ว เขาอดทนเพื่อครอบครัวมาเยอะมาก เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของลูก และพี่เมฆสร้างเป้าหมายให้พี่ตลอดเวลา หลังจากนี้ไป สิ่งที่พี่เมฆต้องการที่จะสานต่อ เราก็จะทำทุกอย่างให้ลูกพี่ดีที่สุด ในฐานะแม่คนหนึ่ง ในฐานะเมีย จากวันนี้ไปพี่ก็จะทำทุกอย่าง ซึ่งหลังจากที่เขาป่วยหนัก เราก็วางแผนเปิดธุรกิจเพิ่ม เริ่มมีการดีลงานกันหมดแล้ว บริษัทใหม่ก็เปิดแล้วด้วย และกำลังจะเปิดบัญชีทำนั่นทำนี่จนเขามาทรุด”
