“เพลง ชนม์ทิดา” เผยเหตุผลสุดซึ้ง เก็บร่าง “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์” ไว้ที่บ้าน แม้จากไปนานกว่า 2 ปี 5 เดือน
ยังคงเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจและสร้างความซาบซึ้งให้กับผู้คนจำนวนมาก เมื่อ เพลง ชนม์ทิดา ลูกสาวคนเดียวของ ตู่ นันทิดา และอดีตนักการเมืองคนดังผู้ล่วงลับ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรก ถึงเหตุผลที่ครอบครัวเลือก เก็บร่างของคุณพ่อเอ๋ไว้ที่บ้าน แม้จะล่วงเลยเวลากว่า 2 ปี 5 เดือน แล้วก็ตาม
ในรายการ คุยแซ่บ Show ตู่ นันทิดา และลูกสาวได้ร่วมพูดคุยอย่างเปิดใจ โดย น้องเพลง ได้อธิบายถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนตัว และเป็นวิธีการที่ครอบครัวเลือกใช้เพื่อเยียวยาหัวใจ
“คุณพ่อคือแหล่งรวมความรักของบ้านเรา เพลงเชื่อว่าถ้าคุณพ่อจะไป ท่านก็ไปได้ทุกที่ แต่ร่างกายที่ยังอยู่ ก็เหมือนเป็นที่ให้หัวใจของเพลงได้ผูกพัน ได้ดูแล เหมือนกับว่ายังมีพ่ออยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่การยึดติดนะคะ แค่อยากขอเวลาอีกสักนิด เพื่อเติมพลังใจให้กันเท่านั้นเอง”
เธอกล่าวต่อว่า ทางครอบครัวสามารถดูแลร่างกายของคุณพ่อได้เป็นอย่างดีภายใต้อุณหภูมิที่ควบคุม พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องของการไม่ปล่อยวาง แต่เป็นเรื่องของ “เวลา” และ “หัวใจ”
ด้าน ตู่ นันทิดา เสริมด้วยความเข้าใจและความรักว่า:
“มันไม่ใช่แค่คิดถึง แต่คือความรู้สึกที่รวมกันตรงนี้ มันคือความเชื่อ ความรัก ที่เรามีให้กัน”
พร้อมเล่าด้วยว่าเคยสอบถามเกจิอาจารย์ถึงเรื่องนี้ ซึ่งท่านก็ตอบกลับอย่างเมตตาว่า “ไม่เป็นไรเลยโยม น้องชายของอาตมาเอง เก็บร่างไว้ 12 ปี โยมแม่ยังไม่พร้อม”
นอกจากนี้ เพลงยังเล่าถึงโมเมนต์น่าประทับใจว่า เพื่อนๆ ของคุณพ่อยังคงแวะเวียนมาหา มานั่งพูดคุยถึงวันวาน และนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีกับคุณพ่อเอ๋อยู่เสมอ
“มันกลายเป็นความทรงจำที่เราหัวเราะ ร้องไห้ และยิ้มไปกับมันได้ เพลงเชื่อว่าไม่ต้องรีบทำใจ เราทุกคนมีสิทธิ์จะค่อยๆ ยอมรับกับการไม่มีพ่อในชีวิตจริง แต่ในใจ พ่อยังอยู่เสมอ”
เมื่อถูกถามว่าอยากบอกอะไรกับคุณพ่อเอ๋หรือไม่ เพลงตอบด้วยน้ำเสียงแน่นว่า:
“เพลงรักคุณพ่อมาก หัวใจที่เต้นอยู่ตรงนี้ก็คือหัวใจของพ่อเอ๋ ครึ่งหนึ่งของเพลงคือพ่อ ถ้าคิดถึงพ่อ ก็มากอดเพลงนะคะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พ่อก็จะอยู่กับเพลงเสมอ”
ในขณะที่ ตู่ นันทิดา ก็กล่าวฝากความรู้สึกถึงอดีตสามีว่า:
“ขอบคุณที่รักแม่ตู่มากกว่าคำว่าเพื่อน ยูเป็นทุกอย่างให้พี่ตู่จริงๆ และขอบคุณที่รักลูกสาวคนนี้ ทำหน้าที่พ่อได้สมบูรณ์แล้ว”



ที่มา : คุยแซ่บ Show