
หลายคนที่กำลังเป็นสิวอยู่ น่าจะมีโมเมนต์มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วถอนหายใจเบา ๆ ว่า “นี่มันขึ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย”
บางวันสิวอุดตันขึ้น บางวันเปลี่ยนหน้าเป็นสิวอักเสบ บางทีดีขึ้น 3 วัน แล้วกลับมาหนักกว่าเดิมอีก 5 วัน จนไม่รู้ว่าจริง ๆ สิวมันอยากจะสื่ออะไรกับเรากันแน่
ก่อนจะโทษผิวตัวเองว่า “แย่จัง” อยากชวนลองเข้าใจผิวแบบง่าย ๆ ว่าทำไมสิวถึงขึ้นไม่หยุด แล้วจะทำยังไงให้หายจริง ไม่วนลูป ไม่เสียเวลา ไม่เสียเงินเกินจำเป็น
บทความนี้จะเล่าให้แบบสบาย ๆ แต่ข้อมูลแน่นมาก เหมือนให้เพื่อนที่เป็นหมอผิวหนังนั่งคุยข้าง ๆ เลย
ทำไมสิวถึงขึ้นไม่หยุด? เข้าใจต้นเหตุให้ตรงก่อนจะเริ่มรักษา
หลายคนเริ่มรักษาสิวจากยาทาก่อน แต่จริง ๆ แล้วการรักษาสิวต้องเริ่มจากเข้าใจต้นเหตุก่อนเลย เพราะต่อให้ใช้ของดีแค่ไหน แต่ใช้ผิดจุด สิวก็จะกลับมาอยู่ดี และนี่คือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวมาจากอะไรทำไมขึ้นไม่หยุด
- ความมันส่วนเกิน
คนผิวมันมักมีต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ จึงอุดตันง่ายกว่า และทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเร็วขึ้น ไม่ใช่ว่าผิวสกปรกนะ แต่แค่ระบบในผิวเราทำงานเยอะเกินไปเท่านั้นเอง
- รูขุมขนอุดตัน
อุดตันเป็นจุดเริ่มต้นของสิวทุกชนิด เกิดได้จากหลายอย่าง เช่น ผิวผลัดตัวช้า, เครื่องสำอางไม่ล้างออกหมด, สกินแคร์ที่มีน้ำมันสูง หรือแม้แต่การบีบสิวที่ทำให้ผิวอักเสบแล้วอุดตันหนักกว่าเดิม
- ฮอร์โมนแปรปรวน
โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน วัยรุ่น หรือคนที่พักผ่อนน้อย เพราะเมื่อฮอร์โมน Androgenเพิ่มขึ้นจะทำให้ต่อมไขมันขยายตัว ส่งผลให้ผิวมันมากขึ้น เกิดเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบตามมาได้ง่าย เรียกได้ว่าเป็นสิวฮอร์โมนคลาสสิกเลยก็ว่าได้
- ความเครียด นอนดึก พักผ่อนไม่พอ
เวลาร่างกายเครียด จะหลั่งฮอร์โมน Cortisol ทำให้ผิวอักเสบง่าย สิวขึ้นง่าย แม้ไม่ได้กินของหวานหรือของมันเลยก็ตาม
- สกินแคร์หรือเมกอัพที่ไม่เหมาะ
บางครั้งเป็นผลิตภัณฑ์ดีๆก็ไม่ได้เหมาะกับผิวเราเสมอไป เช่น ครีมเนื้อหนักเกินไป, กันแดดเนื้อน้ำมัน หรือแม้แต่รองพื้นปิดผิวจนระบายอากาศไม่ได้ ก็ส่งผลให้เกิดสิวตามมาได้ในที่สุด
- อาหารบางชนิด
ไม่ได้หมายถึงกินหนึ่งคำแล้วสิวขึ้นทันที แต่ถ้าร่างกายไวกับอาหารกลุ่มนี้ สิวจะขึ้นง่าย เช่น ชานมไข่มุก, นมวัว, เบเกอรี่, ของทอด, เครื่องดื่มหวานจัด เป็นต้น
สิวมีหลายแบบ และต้องรักษาต่างกัน
คนส่วนใหญ่รักษาสิวไม่หายเพราะรักษาผิดประเภทนี่แหละ ดังนั้นมาดูกันหน่อยดีไหมว่าตัวเองเป็นสิวแบบไหน?
- สิวอุดตัน (หัวดำ-หัวขาว)
เป็นเม็ดแข็ง ๆ ไม่เจ็บ มักอยู่ที่หน้าผาก คาง จมูก ต้นเหตุคือการอุดตันจากไขมันและเซลล์ผิว
- สิวอักเสบ
คือสิวที่เจ็บ แดง ปูด อาจมีหัวหนอง เป็นขั้นต่อจากสิวอุดตันที่ติดเชื้อแบคทีเรีย อันนี้ควรรักษาเร็วเพราะเสี่ยงทิ้งรอยสิว
- สิวผด
ขึ้นเป็นผื่นเม็ดเล็ก ๆ เช่น ตอนอยู่ในอากาศร้อน เหงื่อออก หรือแพ้เครื่องสำอาง ส่วนใหญ่ไม่ใช่การเกิดสิวจริง ๆ แต่เป็นผิวอักเสบ
- สิวฮอร์โมน
ขึ้นคาง รอบปาก ช่วงก่อนมีประจำเดือน วนซ้ำเป็นเดือน ๆ แม้ดูแลดีแค่ไหน
- สิวตามตัว เช่น หลัง อก
เกิดจากเหงื่อ เสื้อผ้ารัดรูป หรือซักผ้าไม่สะอาด หลายคนไม่รู้ว่าต้องใช้ยาคนละแบบกับสิวหน้า

วิธีรักษาสิวที่ช่วยให้ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์
- เลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิว
เป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ อ่อนโยน ไม่อุดตัน ไม่มันเกินไป เช่น โฟมล้างหน้าเนื้ออ่อนโยน, มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อเจล และกันแดดสูตรบางเบา ไม่เหนอะ
ส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ควรเลี่ยง ก็เป็นพวกสกินแคร์สูตรน้ำมัน, สครับเม็ดหยาบ พวกนี้ยิ่งทำให้เกิดสิวได้ง่าย
- ทำความสะอาดผิวให้ดี แต่ไม่ล้างเกินจำเป็น
วิธีที่เหมาะสมในการทำความสะอาดผิวหน้า คือการล้างหน้าเช้า-เย็น ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าแต่งหน้า ต้องทำ Double Cleansing คือการทำความสะอาดผิว 2 ขั้นตอน คือเริ่มจากการใช้ผลิตภัณฑ์เ้ช็ดเครื่องสำอางออกก่อนในรอบแรก และค่อยทำการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้า และตบท้ายด้วยการชำระล้างด้วยน้ำสะอาด
- ใช้ยาทาหรือสารผลัดเซลล์อย่างถูกวิธี
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ผสมสารผลัดเซลล์ผิวให้เลือกใช้เยอะแยะมากมาย แต่มี่ได้รับความนิยม และให้ผลลัพธ์ที่ดี ได้แก่
- AHA ผลัดผิวด้านนอกสุด ที่หมักหมมและเผชิญมลภาวะระหว่างวันมานาน
- BHA (Salicylic Acid) ละลายความอุดตันลึก
- Adapalene / Retinoid ลดสิวอุดตัน-สิวอักเสบ
- อย่าบีบสิวเองเด็ดขาด
เพราะจะทำให้สิวอักเสบหนักขึ้น เกิดรอยดำ–รอยแดง ถ้ายังทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ผิวเป็นหลุมในอนาคตอย่างแน่นอน แนะนำว่าถ้าอยากกดสิว ควรไปคลินิกเพื่อกดแบบปลอดเชื้อ
- ปรับไลฟ์สไตล์ง่าย ๆ แต่ช่วยลดสิวได้เยอะมาก
เปลี่ยนปลอกหมอนทุก 3-4 วัน ห้ามจับหน้าเล่น ระหว่างวันให้ดื่มน้ำเยอะขึ้น และที่สำคัญเลยนะควรนอนเร็วขึ้น 1-2 ชั่วโมง ร่วมกับออกกำลังกายวันละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยเรื่องฮอร์โมน และขับของเสียออกมาทางเหงื่อได้ดีมากขึ้น
- ปรับอาหาร ถ้าคุณเป็นคนที่ไวต่ออาหารบางประเภท
อยากให้ลองงดอาหารบางชนิดประมาณ 7-14 วัน แล้วเทียบผล โดยเฉพาะพวกน้ำตาลเยอะ ๆ หรือของกินที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ชานม, เบเกอรี่, น้ำหวาน, นมวัว
ขนมขบเคี้ยว, ของทอดมันเยิ้ม ๆ เป็นต้น
วิธีรักษาสิวโดยแพทย์ เหมาะกับคนเป็นสิวแบบไหนบ้าง เช็กเลย
ถ้าเคยทำทุกอย่างมาแล้วแต่สิวยังไม่ดีขึ้น แปลว่าต้นเหตุมันลึกกว่าแค่เรื่องล้างหน้า ทาครีมหรือแม้แต่การเลือกรับประทานอาหาร แนะนำให้เข้าพบคุณหมอผิวหนัง เพราะที่คลินิกมักใช้วิธีเหล่านี้
- กดสิวอย่างถูกวิธี

ช่วยลดสิวอุดตันเก่า ไม่อักเสบเพิ่ม และไม่ทิ้งรอย เพราะการกดโดยผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือสะอาดและเทคนิคที่ไม่ทำให้ผิวช้ำ จึงช่วยเอาหัวสิวออกได้หมดจด ลดโอกาสเป็นสิวซ้ำ และทำให้สิวหายเร็วกว่าแกะเองหลายเท่า
- ฉีดสิว
สำหรับสิวอักเสบปูดแดง 1-2 วันเห็นผลว่ายุบเร็วมาก เหมาะกับคนที่มีสิวอักเสบเม็ดใหญ่ เจ็บ และต้องการให้ยุบแบบเร่งด่วน เช่น ก่อนออกงานหรือถ่ายรูป ช่วยลดการอักเสบและโอกาสเกิดหลุมสิวได้ดี
- ผลัดเซลล์ผิว / ทรีตเมนต์ลดสิว
เหมาะกับคนที่ผิวหมอง สิวขึ้นง่ายจากการอุดตัน ช่วยเคลียร์รูขุมขนให้สะอาด ลดการสะสมของเซลล์ผิวเก่าและความมันส่วนเกิน ทำให้สิวใหม่ขึ้นยากขึ้น พร้อมปรับผิวให้เรียบใสขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
- เลเซอร์สิว
ช่วยลดอักเสบ ฆ่าเชื้อ และยุบไวขึ้น เหมาะมากสำหรับสิวอักเสบบริเวณแก้มและคาง เนื่องจากเลเซอร์สิวที่ทำโดยแพทย์ปลอดภัย และจะยิงพลังงานลงไปที่ต่อมไขมันและเชื้อแบคทีเรีย P.acnes โดยตรง ทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น ผิวฟื้นตัวไว และลดรอยแดงหลังสิวได้ดี เหมาะกับคนเป็นซ้ำจุดเดิม ๆ
- ยาทาเฉพาะบุคคล
แพทย์จะประเมินว่าควรใช้ retinoid, antibacterial หรือยาละลายหัวสิวประเภทไหน
ข้อดีคือปรับตามผิวแต่ละคน ไม่เสี่ยงหน้าแหกลอกหนัก
- ยากิน
เหมาะกับสิวอักเสบเรื้อรัง สิวฮอร์โมน เคสที่ทายาแล้วไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะ Isotretinoin ซึ่งเป็นตัวยาที่ได้ผลดีมาก แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เหมาะกับเคสที่สิวขึ้นแน่น ๆ เป็นเป็นหายหายหรือมีอักเสบหนัก ยากินจะช่วยลดการอักเสบจากภายใน ควบคุมต่อมไขมัน และลดโอกาสเกิดสิวซ้ำในอนาคต แต่ต้องตรวจติดตามผลข้างเคียงอย่างใกล้ชิด
สรุป
สิวขึ้นไม่หยุดไม่ได้แปลว่าผิวเราแย่มาตั้งแต่แรก แต่แปลว่ายังหาต้นเหตุไม่เจอเท่านั้นเอง เริ่มจากรู้ว่าตัวเองเป็นสิวแบบไหน , ปรับการดูแล, ใช้สกินแคร์ให้เหมาะสม และถ้ายังไม่ดีขึ้น ค่อยให้แพทย์ช่วยดูแลสิวทุกแบบรักษาได้จริง ไม่ต้องทนหรือปล่อยให้เป็นหนักถึงขั้นมีหลุมค่ะ
ผิวดีไม่ใช่เรื่องโชค แต่เป็นเรื่องของการดูแลให้ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเอง