สายช้อปปิ้งต้องรู้!! “น้ำตาเทียม” จากญี่ปุ่น อ่านฉลากให้ดีก่อนใช้ เพราะเป็นยาหยอดตา ระวังแพ้ เสี่ยงต่อการเกิดอาการตาแดง ในออนไลน์ขายกันเยอะ
ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะจากเอเซียหรือยุโรป และเชื่อว่าสำหรับคนไทยนั้นนอกไปเที่ยว ไปกินแล้ว อีกเรื่องที่นิยมกันอย่างมากคือ การช้อปปิ้ง เพราะของนำเข้าจากญี่ปุ่น ค่อนข่้างแพง ดังนั้นเวลาที่เราไปเที่ยวเองก็หมดไม่ได้ที่จะซื้อมาจำนวนมากๆ อีกทั้งทีแหล่งช้อปปิ้งยากมาย เรียกว่าแถบจะหมดตัวกันเลย
ของช่วยใหญ่ที่ซื้อมีกจะเป็น ของกิน ของแห้ง เครื่องสำอางค์ และอีกอย่างหนึ่งที่เชื่อว่าสาวๆหลายคนที่ไปต้องซื้อ หรือไม่ก็ต้องถูกฝาให้ซื้อ นั้นก็คือ ยาหยอดตา เพราะที่ญี่ปุ่นมีให้เลือกเยอะมาก อีกทั้งยังดูน่าใช้ไปทุกยี่ห้อเลย รีวิวในออนไลน์มีมากมาย หากใครที่ไม่ได้โอกาสได้ไป ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านหิ้วในออนไลน์

ถึงแม้ว่าน่าจะของมันจะเหมือนน้ำตาเทียม อีกทั้งฉลากยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก อาจจะทำให้เราเข้าใจผิดได้ โดยทางเพจเฟซบุ๊ก ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า ในท้องตลาด จะมีผลิตภัณฑ์หยอดตาจากญี่ปุ่น ที่เอามาขายกันแบบonline ทีนี้เวลาขาย หลายอันจะเขียนว่า น้ำตาเทียม , หรือบางครั้งก็เขียนว่าน้ำตาเทียม/ยาหยอดตา บางอันมีสูตรเย็น บอกว่าใช้แล้วตาโล่ง
ทีนี้ เวลาบอกว่าเป็นน้ำตาเทียม ความเข้าใจของคนทั่วไปก็คือ หยอดได้เรื่อยๆไม่มีอะไร ปัญหาคือ บางครั้งของที่เขียนว่าเป็นน้ำตาเทียมมันไม่ใช่น้ำตาเทียมไง แต่มันเป็นยาหยอดตาในตระกูลยาแก้แพ้
ที่ลองไปกดดู มีบางอันที่มีส่วนผสมของ
– Tetrahydrozoline ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์หดเส้นเลือด ทำให้คนที่กำลังเคืองตาตาแดงอยู่รู้สึกว่าอาการเคืองลดลง
– Cholorpheniramine เป็นยาแก้แพ้
– สารทำให้เย็น ในพวกการบูร เมนทอล เปปเปอร์มินท์
ถ้ามีส่วนผสมของยาที่ลดขนาดหลอดเลือด เวลาใช้ช่วงแรกๆจะตาโล่งมาก เพราะมันไปลดขนาดหลอดเลือดแดงที่ตา (เวลาตาแดง เรารู้สึกไม่สบายตาเพราะเส้นเลือดที่บวมขึ้น) ทีนี้ ยาในกลุ่มนี้เวลาใช้นานๆ มันจะเริ่มไม่ได้ผล … แล้วพอหยุดใช้ปุบปับก็จะเสี่ยงต่อการเกิดอาการตาแดง(จากการหยุดใช้ยา) จนต้องกลับไปใช้ใหม่ หรือไม่ก็ใช้เพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม แล้วก็ใช้ไปนานๆก็เสี่ยงตาแห้งด้วย ดังนั้น ก่อนใช้ ดูดีๆ ว่ามันคือน้ำตาเทียมจริงๆหรือยาหยอดตา
“คือจริงๆไม่แนะนำให้ซื้ออะไรที่อ่านฉลากเค้าไม่ออกมาใช้กับร่างกาย แต่คงมีคนซื้อนั่นแหละ”
เอาเป็นว่า ถ้ากำลังจะกดสั่งซื้อ ขอให้เอาภาพไปค้นในกูเกิล … แล้วอ่านส่วนผสม “จากประเทศต้นทาง” จะชัวร์กว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว