ใกล้หน้าร้อนต้องระวัง! อาหารเป็นพิษ หลีกเลี่ยงอาหารที่รูป รส กลิ่น สี ผิดปกติ

กรมควบคุมโรค ได้ออกมาเตือนสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในปี 2566 ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 20 ก.พ. 66 มีรายงานผู้ป่วยทั่วประเทศ จำนวน 13,217 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 19.97 ต่อประชากรแสนคน ไม่พบผู้เสียชีวิต ดังนั้นวันนี้ Bright TV จึงมานำเสนอ วิธีการป้องกันอาหารเป็นพิษ

• ข่าวปลอม! “ไมโครโดส” ช่วยรักษาให้เลิกสุรา บุหรี่ กัญชา และสารเสพติดอื่นๆ

• “Dysania โรคเตียงดูด” เสพติดการนอน ไม่อยากตื่น อ่อนเพลียมาก

• เคล็บไม่ลับ! 5 วิธียกของหนัก ป้องกันโรคกระดูกสันหลังทับเส้น

สาเหตุ   

มีเชื้อโรคหลายชนิดที่สามารถปล่อยสารพิษ (toxin) ออกมาปนเปื้อนในอาหารต่างๆ เช่น น้ำดื่ม เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ไข่ นม อาหารทะเล และผลิตภัณฑ์จากนม เนยแข็ง ข้าว ขนมปัง สลัด ผัก ผลไม้ เป็นต้น

อาการ

• ปวดท้องในลักษณะปวดบิดเป็นพักๆ
• อาเจียน (ซึ่งมักมีเศษอาหารที่เป็นต้นเหตุออกมาด้วย)
• ถ่ายเป็นน้ำบ่อยครั้ง
• มีไข้และอ่อนเพลียร่วมด้วย
• ถ้าเป็นไม่รุนแรง อาการต่างๆ มักจะหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง
• ในรายที่เป็นรุนแรง อาจอาเจียนและท้องเดินรุนแรง จนร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรงได้
• อาจพบว่า ผู้ที่กินอาหารร่วมกันกับผู้ป่วย (เช่น งานเลี้ยง คนในบ้านที่กินอาหารชุดเดียวกัน) ก็มีอาการแบบเดียวกับผู้ป่วยในเวลาไล่เลี่ยกัน

การรักษา

1. ถ้ารุนแรงไม่มาก ยังกินได้ และขาดน้ำไม่มาก ลุกเดินได้ ไม่หน้ามืด ก็จะให้การรักษาตามอาการและให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่
2. ถ้ารุนแรง ถึงขั้นขาดน้ำรุนแรง มีอาการใจหวิว ใจสั่น จะเป็นลม มือเท้าเย็น  ปัสสาวะออกน้อยมาก หรืออาเจียนรุนแรง ถ่ายรุนแรง หรือกินไม่ได้ ก็จะต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ จนกว่าจะทุเลา
3. ถ้าสงสัยเกิดจากสาเหตุอื่น ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุที่ตรวจพบ เช่น ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่พบว่าเป็นบิดชิเกลล่า หรืออหิวาต์ เป็นต้น

การป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ

1. ควรเลือกซื้ออาหารที่สด สะอาด รูป รส กลิ่น สี ไม่ผิดปกติ
2. ล้างทำความสะอาดก่อนนำมาปรุงประกอบด้วยความร้อนให้สุกอย่างทั่วถึง
3. ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”
4. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
5. อาหารที่ปรุงไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง
6. เลือกบริโภคอาหาร น้ำแข็ง และน้ำดื่มที่สะอาดมีเครื่องหมาย
7. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงประกอบและรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสสิ่งสกปรก
8. หากอาหารที่รับประทานมีรูป รส กลิ่น สี เปลี่ยนไป ไม่ควรนำมารับประทานต่อ
9. สำหรับผู้ประกอบอาหาร ควรยึดหลักสุขอนามัยของผู้ปรุงและสุขาภิบาลอาหาร

แหล่งที่มา rajavithi กรมควบคุมโรค

ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ

Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY