สหรัฐระดมเจ้าหน้าที่ จากหลายรัฐ เข้าทำการช่วยเหลือ ในเหตุ ไฟป่า พื้นที่เขตรัฐ รัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2020 ซึ่งนับเป็นเหตุไฟป่า ที่รุนแรงที่มาก ที่เคยเกิดขึ้นกับรัฐแคลิฟอน์เนีย
หวั่นฟ้าผ่าอีกรอบ กระทบการเกิดเหตุเพลิงใหม่เป็นวงกว้างมากกว่าเดิม
วันที่ 24 สิงหาคม 2020 เจ้าหน้าที่สำนักงานข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ได้กำลังพลจากเจ้าหน้าที่ ในเขตพื้นที่ฝั่งตะวันตกทั้งหมด รวมถึงกองบิน และองค์การความมั่นคงของชาติต่างๆ เข้าร่วมปฏิบัติการดับไฟป่าในรัฐ มากกว่า 20 จุด และยังคงแสดงความกังวล ต่อการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากปัญหาความแห้ง และ การเกิดฟ้าผ่า และเป็นการเกิดเหตุไฟป่า ที่รุนแรงเป็นอันดับ 2 ตามประวัติของรัฐ แคลิฟอร์เนีย รวมตั้งแต่เคยเกิดไฟป่ามาก่อนหน้านี้ด้วย
โดยเกิดขึ้นบริเวณอ่าวของ ซานฟานซิสโก ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยประชากรในพื้นที่กว่า 2 แสน คน ต้องอพยพ จากพื้นที่ดังกล่าวทันที กรมป่าไม้และการป้องกันไฟป่า ยังคงส่งสัญญาณแจ้งเตือน อย่างต่อเนื่อง ว่าการกระจายตัวของไฟป่า ยังคงรวดเร็ว อันตราย และ รุนแรงต่อประชากรเป็นอย่างมาก
โดย ไฟป่า ที่เกิดขึ้น จนลามเป็นพื้นที่กว่า 1 ล่านเอเคอร์ เกิดจากสาเหตุฟ้าผ่า ระหว่างฝนฟ้าคะนองแห้ง ทั่วแถบทั้งตอนเหนือ และ ตอนกลางของรัฐ แคลิฟอร์เนีย ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด พบผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ไฟป่า ดังกล่าวแล้ว 6 ราย บาดเจ็บอีกนับหมื่น และ ยังกินพื้นที่ทำลายบ้านเรือนแล้ว กว่า 700 หลังคาเรือน พื้นที่กว่า 1 ล้านเอเคอร์ เต็มไปด้วย เถ้าถ่านสีดำ และยังพบกับปัญหาหมอกควันดำ ปกคลุมเป็น บริเวณกว้าง จนสามารถมองเห็นได้จากหลายรัฐ
โดยผู้เกี่ยวข้องชี้แจงว่า ไฟป่าเกิดเป็นจุดเล็กๆ ก่อนจะโหมเป็นจุดขนาดใหญ่ในภายหลัง จากการเกิดเหตุฟ้าฝ่าหลายจุด ในพื้นที่รัฐ กว่า 12000 ครั้ง สร้างจุดเกิดไฟกว่า 500 จุด ได้เผาไหม้พื้นที่ในเบื้องต้น ไปแล้วกว่า 3.4 แสน เอเคอร์ และเจ้าหน้ายังคงควบคุมปริมาณ และ วงเพลิงได้เพียง 17% จากทั้งหมด ส่วนไฟป่าชื่อ SGU Lightning complex ที่กินพื้นที่ความเสียหายอีก 3.39 แสน เอเคอร์ สามารถควบคุมได้เพียง 10% เท่านั้น
ประธานาธิบดี โดนัลทรัมป์ ประกาศภาวะภัยพิบัติฉุกเฉิน และได้ เปิดเส้นเพื่อการระดมทุน เพื่อช่วยเหลือ เหตุการไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ ที่รัฐ แคลิฟอร์เนียร์ แล้ว ซึ่งจะเข้าช่วยเหลือ ประชาชน และ ภาคอุตสาหะกรรมที่ได้รับผลกระทบ ใน 7 เคาน์ตี้ แล้ว
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ หลายพันนาย บางแหล่งแจ้งว่า มากกว่า 13000 นาย ที่ทำหน้าที่ดับไฟป่าครั้งนี้ บางคนทำงานมากกว่า 72 ชั่วโมง ติดต่อกัน เพื่อช่วยกันระงับเหตุไฟป่าดังกล่าว แต่ไฟที่ลุกลาม มีวงกว้าง และ มากเกินไป เกินกว่าที่จะควบคุมไหว และ ยังไม่มี ทรัพยากรเพียงพอ ในการดับไฟป่าครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ รัฐได้ใช้งบประมาณ ไปกับการจัดการเรื่องปัญหาโรคติดต่อร้ายแรง ที่กำลังแพร่ทั่วโลกในปัจจุบัน คือ Covid-19 ทำให้สถานการณ์ยากเกินกว่าจะควบคุม ทำให้ต้องปล่อย ผู้ต้องขัง จำนวนหนึ่ง ที่มีหน้าที่อาสาดับไฟป่า ออกมาช่วยกันจัดการปัญหาไฟป่าในปัจจุบันอีกด้วย
ซ้ำร้าย ปัญหาการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในรัฐ ยังเป็นปัญหาที่ยังคง สร้างความตะหนกให้กับประชากร ที่อยู่ในพื้นที่เกิดไฟป่า และ ได้รับการแจ้งเตือนว่า ต้องการให้อพยพไปยังสถานที่หลบภัยของรัฐ ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชากรไม่น้อยกว่าหลักหมื่น และนั่นส่อถึงสถานการณ์เลวร้ายในการแพร่ระบาดเชื้อ Covid-19 จากผู้หลบภัยด้วยกันเอง
ทั้งประชากร ยังต้องเผชิญกับภาวะของการขาดการใช้พลังงาน จากไฟฟ้า เพราะความร้อนที่มากขึ้นๆ มากขึ้น ของไฟป่า ทำให้อุทยานเดธ วัลเลย์ ยิ่งมีความต้องการในการใช้พลังงาน มากขึ้นไปอีก
โดยทางที่ดี ทางรัฐแจ้งว่า หากอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ให้ประชาชนอยู่ในที่พักอาศัย หรือเคหะสถาน ลดการออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน เนื่องจากปัญหาฝุ่นควัน และ อื่นๆ ส่งผลต่อการดำรงชีวิต และ คุณภาพสุขภาพของประชากรเป็นอย่างมาก
อ่านบทความฉบับเต็ม https://www.xn--22c0ba2bj2d0c0abw.com/%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%b2/

ชมสินค้า https://www.maxxlifethailand.com/product/21080/cordycept