ชาวออฟฟิศ พิมพ์งานทั้งวัน ต้องระวัง! เสี่ยงเป็น โรคนิ้วล็อค นิ้วเกร็ง กำมือไม่ได้ ใช้ท่าเดิมซ้ำๆ โรคยอดฮิตในวัยทำงาน แต่ป้องกันได้
ชาวออฟฟิศซินโดรมทั้งหลายนอกจากจะปวดหลัง ปวดคอ บ่า ไหล่ ตาพร่า ตามัว แล้วยังมีอีกหลายโรคหลายอาการที่เกิดขึ้นได้ เพราะพฤติกรรมของการออฟฟิศส่วนใหญ่ต้องนั่งทำงานติดต่อกันนานๆ วันละ 8-9 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย โรคที่เราจะมาพูดคุยกัยวันนี้ก็คือ โรคนิ้วล็อค นั้นเอง เพราะชาวออฟฟิศทุกคนก็คงจะหลีกเลี่ยงการพิมพ์งานไม่ได้ แล้วอาการเป็นอย่างไรรุนแรงแค่ไหน สามารถป้องกันได้อย่างไรบ้างมาดูเลย!

สาเหตุการเกิดโรคนิ้วล็อค
สาเหตุนั้นไม่ได้มาจากการเป็นออฟฟิศซินโดรม เพียงอย่างเดียว หากเป็นในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศแล้วมักเกิดจากการงอนิ้วมาก ๆ จากการใช้นิ้ว คีย์แป้นคอมพิวเตอร์นั่นเอง เพราะต้องใช้อุปกรณ์ที่ต้องออกแรงกดต่อเนื่อง ใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต มากเกินไป ทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ในท่าเดิมนาน ๆ หรือคนที่มีประวัติของโรคเบาหวาน โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือในบางคนที่มีอาชีพต้องใช้แรงงานที่มีการใช้นิ้วหนัก มีแรงสั่นสะเทือน ก็มีสิทธิเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
อาการโรคนิ้วล็อค
อาการนิ้วล็อคในระยะแรกจะปวดบริเวณโคนนิ้วมือ กำมือไม่ถนัด หรือกำได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะตอนเช้าหลังตื่นนอน อาจเป็นนิ้วเดียวหรือหลายนิ้วพร้อมกัน โดยการล็อคจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าใช้ท่าไหนเป็นประจำ
วิธีรักษาอาการนิ้วล็อค
- ยกมือขึ้นระดับไหล่ใช้มือข้างหนึ่งดันข้อมือให้กระดกขึ้นและกระดกลง ค้างไว้ 10 วินาที เซ็ตละ 6-10 ครั้ง วิธีนี้เป็นการยืดกล้ามเนื้อแขน
- ฝึกกำและแบมือหรือใช้ลูกบอล ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อนิ้วมือ วิธีนี้เป็นการบริหารมือและนิ้วมือเพื่อบำบัดอาการ
- เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อที่ใช้งอและเหยียดนิ้วมือ โดยการใช้ยางยืดสร้างแรงต้าน ใส่ยางในนิ้วมือแล้วเหยียดนิ้วออก ค้างไว้ 10 วินาที แล้วปล่อยมือ
วิธีลดความเสี่ยงอาการนิ้วล็อค
- ไม่หิ้วของหนักจนเกินไป ถ้าจำเป็นให้ใช้ผ้าขนหนูรองหูหิ้ว หรือเปลี่ยนวิธีหิ้วเป็นอุ้มประคองหรือใช้รถเข็นลากแทน
- การใช้อุปกรณ์ทุ่นแรงควรสวมถุงมือหรือห่อหุ้มด้ามจับให้นุ่มขึ้น และงานที่ต้องใช้เวลานานในการทำงาน ควรพักมือเป็นระยะๆ รวมถึงการออกกำลังเพื่อยืดกล้ามเนื้อมือบ้าง
- ไม่ขยับนิ้ว หรือดีดนิ้วเล่น เพราะจะทำให้เส้นเอ็นอักเสบมากยิ่งขึ้น
- ถ้ามีข้อฝืดในตอนเช้าหรือมือเมื่อยล้า แนะนำให้แช่มือในน้ำอุ่นแล้วขยับมือโดยการกำมือและแบมือในน้ำอุ่นสักระยะ
แหล่งที่มา rama.mahidol
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY