สายวิ่ง นักวิ่ง คนที่กำลังลดน้ำหนัก รู้ไหม? วิ่งช้า วิ่งเร็ว วิ่งแต่ละแบบให้ประโยชน์ต่างกัน แบบไหน ได้อะไรบ้าง เหมาะกับใครบ้าง
กีฬายอดฮิตของคนดูแลสุขภาพ บอกเลยว่าเป็นกีฬาที่ง่ายที่สุด แล้วก็เป็นกีฬาที่สามารถทำได้คนเดียว เพียงแค่หาที่วิ่งที่ปลอดภัยและรองเท้าวิ่งก็ไปสนุกได้แล้ว ดังนั้นการวิ่งจึงเป็นกีฬายอดฮิตของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ซึ่งรู้หรือไม่ว่า การวิ่งช้า วิ่งเร็ว ให้ประโยชน์ต่างกัน แล้วแบบไหน ได้อะไรบ้าง เหมาะกับใครบ้าง มาดูเลย

การวิ่งควรเริ่มต้นอย่างช้า ๆ
อาจเริ่มต้นด้วยการเดิน แล้วค่อยวิ่งเหยาะๆ หรือ เริ่มจากวิ่งเหยาะๆ แล้วเพิ่มความเร็วขึ้นและเมื่อร่างกายฟิตขึ้นจึงค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ควรเริ่มด้วยการวิ่งแบบช้าๆทุกครั้ง เพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกาย และ เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการใช้งาน
ความเร็วกับน้ำหนักตัวส่งผลกับการเผาผลาญพลังงาน
การเผาผลาญพลังงานที่ได้จากการวิ่งนั้น จะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับความเร็วที่วิ่ง ระยะทาง และน้ำหนักตัวของผู้วิ่งด้วย คนที่มีน้ำหนักตัวมากจะใช้พลังงานมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย เพราะต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนไหวร่างกายที่ใหญ่กว่านั่นเอง
การเผาผลาญพลังงานและไขมันในขณะวิ่ง
อย่างที่บอกการเผาผลาญพลังงานของร่างกายไม่ได้ใช้การเผาผลาญพลังงานจากแป้งในกล้ามเนื้อ(ไกลโคเจน) หรือไขมันอย่างใดอย่างนึงเพียงอย่างเดียว แต่ร่างกายจะใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่งในปริมาณที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและกิจกรรมการออกกำลังกาย
- ตอนเริ่มวิ่ง ร่างกายจะใช้พลังงานจากแป้งในกล้ามเนื้อ(ไกลโคเจน) เป็นพลังงานต้น
- จากนั้นเมื่อการหายใจเป็นปรกติและมีออกซิเจนเพียงพอ (การวิ่งแบบช้าๆจะหายใจได้เป็นปรกติหายใจได้เต็มที่) หรือที่เรียกว่า การออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน (Aerobic Exercise) ร่างกายจะค่อยๆใช้พลังงานจากไขมันในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งกลไกนี้อาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที
ในขณะที่การวิ่งเร็วๆ จะทำให้เราหายใจเอาออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดต่ำกว่า ช่วงหายใจสั้นกว่า หรือเรียกว่าการออกกำลังกายโดยไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Exercise) เมื่อออกซิเจนไม่เพียงพอที่จะทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันทำได้ทันการใช้งาน ร่างกายจึงใช้พลังงานจาก กล้ามเนื้อ(ไกลโคเจน) สูงกว่า
วิ่งช้า VS วิ่งเร็ว
หากต้องการ ลดไขมัน ในร่างกายก็ควรวิ่งช้าๆ เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญเอาไขมันมาใช้ได้มากกว่า (แต่ต้องใช้เวลาให้มากพอ) แต่ถ้ามองถึงเรื่อง กล้ามเนื้อและความฟิตของร่างกาย การวิ่งเร็วๆก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่า จากเหตุผลดังกล่าวผู้รู้ส่วนใหญ่จึงนำเอาข้อดีของทั้งสองการวิ่งมาแนะนำ คือ การฝึกแบบ ช้าสลับเร็ว (Interval training) เพื่อให้ร่างกายได้ทั้งการเผาผลาญไขมัน และได้ความฟิตของร่างกายไปพร้อมๆกัน
ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ขอให้วิ่ง
ถ้าหากต้องการให้การลดน้ำหนักและลดไขมันได้ผล การวิ่ง หรือการออกกำลังกายแบบ Aerobic ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ หากเลือกการวิ่งมาใช้เผาผลาญไขมัน ควรเลือกความเร็วที่เราทำได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ทำอย่างน้อย 40 นาที 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ และหมั่นปรับแผนการวิ่งทุกๆ 4 สัปดาห์ โดยเพิ่มที่ความหนัก เพิ่มความถี่ หรือเพิ่มระยะเวลา ตามความแข็งแรงของร่างกายที่เพิ่มขึ้น หรือเลือกการวิ่งแบบช้าสลับเร็ว ซึ่งวิธีการนี้ไม่ว่าจะวิ่งช้าหรือเร็วคุณก็จะสามารถเห็นพัฒนาการของร่างกายและสามารถลดได้ตามเป้าหมายได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่ถึงแม้เราจะลดความอ้วนร่างกายก็ยังคงต้องการสารอาหารเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นั่นก็คือโปรตีนนั้นเอง ซึ่งโปรตีนที่เหมาะกับคนที่ลดน้ำหนัก หรือว่าไม่ทานเนื้อสัตว์ คนที่ย่อยอาหารยาก ท้องอืดบ่อยต้องดื่ม โปรตีนจากพืช ที่อัดแน่นไปด้วยปนะโยชน์และสามารถดื่มทดแทนมื้ออาหารได้เลย โปรตีนจากพืชที่เราจะมาแนะนำวันนี้ก็คือของ Benefit Protein นั่นเอง เป็นโปรตีนที่สกัดจาก ถั่วเหลือง,ถั่วลันเตาสีทอง,เมล็ดฟักทอง และข้าวไรซ์เบอร์รี่ และยังมีส่วนผสมของตระกูลเบอร์รี่ถึง 8 ชนิดอีกด้วย แถมไม่มีคอเลสเตอรอลที่เป็นความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเเละไขมันอุดตัน และยังช่วยให้กระบวนการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่กำลังลดความอ้วนอย่างมาก





แหล่งที่มา สสส
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY