ตร.ตรวจสอบคัดแยกเหยื่อน้ำกาม “วิคตอเรียซีเครต” จำนวน 113 คน พบหญิงบริการทั้งหมดอยู่ในฐานะผู้เสียหายและถูกบังคับให้ค้าประเวณี
พลตำรวจเอก ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าหญิงบริการที่ควบคุมตัวได้จากสถานบริการ “วิคตอเรียซีเครต” เมื่อวานนี้เป็นสัญชาติเมียนมาร์ 96 คน สัญชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 11 คน สัญชาติจีนสิบสองปันนา 2 คนและคนไทย 4 คน โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่จะคัดแยกกลุ่มของหญิงบริการให้ชัดเจนเริ่มตั้งแต่กลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปี อายุมากกว่า 18 ปี ถ้าเป็นคนต่างด้าวก็จะพิสูจน์ทราบว่าหนังสือแสดงสัญชาติหรือพาสปอร์ตเป็นของจริงหรือไม่ หากไม่มีพาสปอร์ตก็จะทำการสอบถามในเบื้องต้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อนจะตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อมูลที่แท้จริงต่อไป
แต่จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าหญิงบริการทั้งหมดที่พบอยู่ในฐานะของผู้เสียหายและถูกบังคับให้ค้าประเวณี เนื่องจากพบหลักฐานเป็นกฎระเบียบของสถานบริการดังกล่าวที่กำหนดชัดเจนว่าใน 1 วันจะต้องรับแขกให้ได้มากกว่า 3 คนซึ่งจะกลับบ้านได้ และใน 1 เดือนจะต้องทำงานต่อเนื่อง 12 วันหากไม่ทำตามเงื่อนไขจะตัดเงินหรือไล่ออกซึ่งลักษณะดังกล่าวถือว่าเป็นการบังคับให้ค้ามนุษย์
ส่วนข้อมูลการสืบสวนที่พบว่าสถานบริการดังกล่าวมีการส่งต่อเด็กในสังกัดไปยังสถานบริการอื่นในต่างจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบว่าเป็นลักษณะเครือข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่หากพบว่ามีลักษณะความผิดเข้าข่ายก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติม
สำหรับประเด็นการปิดสถานบริการดังกล่าว เบื้องต้นได้พิจารณาใช้มาตรการของกรมการปกครองสั่งปิดสถานบริการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปีและให้เจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมดูแลในพื้นที่จนกว่าจะเก็บพยานหลักฐานทั้งหมดเสร็จสิ้น และภายหลังจากครบ 5 ปีแล้วพื้นที่ที่ตั้งสถานบริการดังกล่าวจะไม่สามารถเปิดสถานบริการในรูปแบบเดิมได้อีก นอกจากนี้จะส่งเรื่องต่อให้สำนักงานปปง.พิจารณาตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินต่างๆเพื่อทำการหยุดรักอายัดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดินตามข้อหาการค้ามนุษย์ต่อไป
สำหรับข้อมูลที่ปรากฏเป็นภาพภายในสถานบริการดังกล่าวมีการสร้างเป็นห้องแพทย์พร้อมทั้งมีอุปกรณ์การแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ซึ่งไม่สามารถจ่ายหรือฉีดให้กับหญิงบริการในสถานที่ดังกล่าวได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมส่งเสริมบริการสุขภาพให้เข้ามาตรวจสอบในจุดดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่หากพบว่าเข้าข่ายความผิดก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับเจ้าของและผู้เกี่ยวข้องกับสถานบริการดังกล่าวอีก