ง่วงมั้ย? หลับได้นะ! ที่ญี่ปุ่นค่ะ ไม่ใช่ประเทศไทย ^___^
การ ‘งีบหลับ’ ในเวลางานของพนักงานบริษัทในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะ เพราะแรงงานของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการ ‘โหม’ ทำงานอย่างหนักมาหลายปีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดการระบาดของโรคนอนไม่หลับขึ้นกับมดงานชาวอาทิตย์อุทัยเป็นแน่ ซึ่งผลกระทบเลวร้ายที่สุดของการบ้างานทำเอาเหตุการณ์ ‘ทำงานหนักจนตาย’ เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศนี้
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาพนักงานพักผ่อนไม่เพียงพอดังกล่าว หลายบริษัทในญี่ปุ่นจึงได้งัดกลยุทธ์แบบ ‘สายเปย์’ มาใช้ค่ะ โดยเฉพาะการเสนอให้พนักงานสามารถ ‘หลับ’ ในที่ทำงานได้ เพื่อจะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถลดค่าใช้จ่ายของบริษัทเหล่านี้ได้มากถึง 138 พันล้านเหรียญต่อปี
ลองนึกภาพตามสิคะว่าเราได้ทำงานให้กับนายจ้างที่รู้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเรานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ แล้วอนุญาตให้เราได้วางมือจากงานและงีบหลับได้ในเวลางาน อ๊ะๆ ไม่ใช่แค่การฟุบหลับแค่ไม่กี่นาทีบนโต๊ะทำงานนะคะ แต่เป็นการ ‘นอนหลับ’ ในห้องอันเงียบสงบต่างหาก เฉียบไหมล่ะ!
โดยในปีที่แล้ว บริษัท Nextbeat ผู้ให้บริการด้านไอที ได้สร้างห้องที่พวกเขาเรียกว่า ‘ห้องนอนเชิงกลยุทธ์’ (strategic sleeping rooms) จำนวน 2 ห้อง สำหรับผู้ชาย 1 ห้อง และผู้หญิง 1 ห้อง ที่สำนักงานใหญ่ในโตเกียว ซึ่งเป็นห้องที่อบอวลด้วยกลิ่นหอม มีอุปกรณ์ที่ป้องกันเสียงรบกวน มีโซฟาที่พนักงานสามารถยืดออกเป็นเตียงได้เพื่อนอนหลับพักผ่อนโดยปราศจากเสียงรบกวนใดๆ และที่สำคัญคือ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และแล็ปท็อป คือสิ่งต้องห้ามในห้องนี้นะคะ
ซึ่ง เอมิโกะ ซูมิกาวะ (Emiko Sumikawa) หนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหารของ Nextbeat ได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าว Kyodo ของญี่ปุ่นว่า การนอนหลับช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของบางคนได้ ทั้งยังทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการไดเอทและการออกกำลังกายด้วย โดย Nextbeat ยังขอให้พนักงานทุกคนเลิกงานภายในเวลา 21.00 น. และงดเว้นการทำงานล่วงเวลามากเกินไป เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการของโรคบ้างาน ‘คาโรชิ’ (Karoshi) หรือเสียชีวิตจากการทำงานหนักมากเกินไปนั่นเอง
นอกจากนี้ บริษัทบางแห่งก็ใช้วิธีเสนอสิ่งจูงใจทางการเงินเพื่อชักชวนให้พนักงานหลีกเลี่ยงการทำงานล่วงเวลาและเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม โดย ‘Crazy’ บริษัทวางแผนจัดงานแต่งงาน ได้ให้รางวัลพนักงานที่นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อคืน ด้วยคะแนนที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นอาหารในโรงอาหารของบริษัทได้ โดยมีการใช้แอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบการนอนหลับของพวกเขา ซึ่งในแต่ละคนสามารถสะสมแต้มได้มากถึง 64,000 เยน (ประมาณ 18,800 บาท) ต่อปีเลยทีเดียว
ทั้งนี้ มดงานชาวญี่ปุ่นมีเหตุผลมากกว่าคนส่วนใหญ่ ในการที่จำเป้นต้องมีสิ่งกระตุ้นให้พวกเขาได้งีบหลับตอนกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือระหว่างการเดินทางระยะยาว เนื่องจากมีผลการสำรวจโดยใช้อุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายใน 28 ประเทศ พบว่า ชายและหญิงชาวญี่ปุ่นนอนหลับโดยเฉลี่ยเพียง 6 ชั่วโมง 35 นาทีต่อคืนเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยสากลอยู่ถึง 45 นาที นั่นจึงทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่นอนไม่หลับมากที่สุด
ในทางตรงกันข้าม การสำรวจกลับพบว่าผู้หญิงฟินแลนด์นอนหลับนานขึ้นเกือบหนึ่งชั่วโมง โดยเฉลี่ย 7.45 ชั่วโมง เช่นเดียวกับชาวดัตช์ ฝรั่งเศส เอสโตเนีย แคนาดา เบลเยียม และออสเตรีย ที่ผลสำรวจระบุว่าเป็นกลุ่มประชากรที่ได้รับการนอนหลับช่วงกลางคืนในระดับที่ดี นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจจากผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ‘Fuji Ryoki’ ที่พบว่า 92.6% ของชาวญี่ปุ่นที่อายุเกิน 20 ปี เขานอนหลับไม่เพียงพอ!
ทั้งนี้ การหลับในที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่นนั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดา ถึงขั้นเกิดเป็นคำศัพท์เฉพาะของพฤติกรรมนี้ว่า ‘อิเนะมุริ’ (Inemuri) ที่บริษัทส่วนมากมักยอมให้เกิดขึ้น เพราะเขาเชื่อว่าการงีบหลับแบบนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพนักงานมากกว่าเป็นสัญญาณของความเกียจคร้าน แม้ว่าโดยปกติแล้วเหล่า ‘สายงีบ’ ควรจะยังนั่งอยู่ที่โต๊ะและไม่ควรได้งีบแบบสบายมากเกินไปก็ตาม
ไม่เพียงบริษัทต้นสังกัดจะเอาใจเท่านั้นนะคะ มดงานลูกพระอาทิตย์ยังได้รับการสปอยล์จากรัฐบาลด้วย โดยมีการชื่นชมว่าคุณค่าของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพต่างๆ นั้น เกิดจากการที่พวกเขาได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นได้ให้คำแนะนำว่าคนวัยทำงานทั้งหมดควรได้ ‘งีบหลับ’ นานประมาณ 30 นาทีในช่วงบ่าย
นี่มันความฝันของมดงานชาวไทยชัดๆ … จริงมั้ยคะ?
ที่มา: www.theguardian.com
