คุณคิดว่าเวลาที่นักวิทยาศาสตร์ทดลองบางอย่างหรือค้นพบสิ่งใหม่ให้เราได้เรียนรู้กันแบบในปัจจุบันนี้ มาจากอะไร? บ้างก็เดากันไปว่าพวกเขาต้องทำการวิจัยอย่างหนักและต้องหาแรงบันดาลใจในการทดลองไปทั่วโลกแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ค้นพบขึ้นในแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่เกิดจาก ‘การสังเกตสิ่งรอบตัว’ ความสงสัยใคร่รู้ทางวิทยาศาสตร์มักจะนำไปสู่การค้นพบที่น่าประหลาดใจและเป็นประโยชน์ เช่น การตั้งข้อสงสัยว่า ทำไม ‘ลิ้นแมว’ ถึงมีความสากเหมือนกระดาษทราย แล้วพื้นผิวแบบนี้สามารถนำไปพัฒนาอะไรต่อได้อีกบ้าง?
การศึกษาเกี่ยวกับ ‘ลิ้นแมว’ นี้เริ่มขึ้นเมื่อ อเล็กซิส โนเอล (Alexis Noel) นักวิจัยจากสถาบันวิจัยจอร์เจียเทค (Georgia Institute of Technology) นั่งสังเกต ‘เมอร์ฟี่’ แมวที่เธอเลี้ยงไว้ ขณะกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก จากนั้นมันก็เริ่มเลียผ้าห่มที่อยู่บนตักของเธอ เธอจึงเห็นลิ้นของเมอร์ฟี่ติดอยู่ตรงรูผ้าห่มโดยบังเอิญ ดังนั้นสิ่งนี้จึงทำให้เธอตั้งข้อสงสัย
หลังจากนั้นเมื่อกลับไปที่ห้องทดลอง โนเอลก็พยายามศึกษาดู ‘ลิ้นแมว’ อย่างละเอียดด้วยกล้องวิดีโอ และพบว่าลิ้นแมวไม่ได้มีลักษณะเหมือนกระดาษทรายอย่างที่เราคิด แต่ลิ้นแมวนั้นกลับประกอบไปด้วยหนามเล็ก ๆ ตรงด้านหน้าของลิ้น เวลาที่แมวเลียตัวเองเพื่อทำความสะอาดขน หนามเหล่านั้นก็จะตั้งขึ้นมา ซึ่งโนเอลได้กล่าวว่า หนามบนลิ้นแมวมีลักษณะโค้งทั้งด้านบนและด้านล่าง โดยส่วนล่างของหนามเหล่านั้นจะมีร่องเป็นรูปตัวยู เพื่อช่วยให้น้ำลายของแมวซึมผ่านขนลงสู่ผิวหนัง
เมื่อรู้ลักษณะโครงสร้างของลิ้นแมวแล้ว โนเอลก็ได้ใช้เครื่องพิมพ์ 3D มาประดิษฐ์เป็นแปรงที่มีขนคล้ายลิ้นแมว เพื่อเลียนแบบวิธีการทำความสะอาดขนของพวกมัน การประยุกต์ใช้งานจากการศึกษาดังกล่าวทำให้เกิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการทำความสะอาดพรม หรืออาจทำไปใช้ในการพัฒนางานประดิษฐ์อื่นต่อไปได้
การศึกษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งที่สุด มักมาจากสิ่งที่เราพบเห็นได้ทั่ว ๆ ไป หากเรารู้จักการสังเกต และรู้จักตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ บางครั้งสิ่งเหล่านี้เองก็อาจทำให้เราได้รู้ความลับของมัน และสามารถนำไปต่อยอดใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก voathai
บทความที่เกี่ยวข้อง