เชื่อว่าคนไทยเกือบ 100% ต้องเคยกิน ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ ที่มีคำเรียกติดปากว่าเป็นอาหาร ‘กันตาย’ เนื่องจากกินง่าย ราคาถูก และต้องยอมรับจริงๆ ว่ามัน ‘อร่อย’ ซึ่งตามข้อมูลของสมาคมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลก (World Instant Noodles Association) บอกว่าอาหารประเภทนี้ได้กลายเป็น global food ที่มีการบริโภคมากถึง 270 ล้านครั้งต่อวัน
แต่! เมื่อเร็ว ๆ นี้ผลกระทบต่อสุขภาพเกี่ยวกับการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะมีนักเรียนอายุ 18 ปีเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารหลังจากอาหารชนิดนี้ทุกคืนเป็นเวลาหลายปี ดังนั้น คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้น? มันไม่ดีต่อสุขภาพหรือไม่? มาดู 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อคุณกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปค่ะ
1. ไม่ย่อยในเวลาที่ ‘ควรย่อย’
Dr. Braden Kuo จากโรงพยาบาล Massachusetts General ได้ใช้กล้องขนาดเท่าเม็ดยาในการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นภายในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารหลังจากที่คุณกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าไป ปรากฏว่ามันยังคงไม่ถูกย่อยหลังจากกินเข้าไปแล้ว 2 ชั่วโมง เนื่องมาจากสารกันบูดที่ใส่ไว้ เป็นผลทำให้เกิดความตึงเครียดในระบบย่อยอาหารเพราะถูกบังคับให้ทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อย่อยทำลายอาหารแปรรูปสูงชนิดนี้
2. ร่างกายได้รับสารพิษเป็นเวลานาน
การที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกเก็บไว้ในร่างกายเป็นเวลานานเนื่องจากกระบวนการย่อยที่สุดแสนจะเชื่องช้า มันจึงยิ่งเป็นการยืดเวลาการสัมผัสสารพิษในร่างกาย เช่น Butylated hydroxyanisole (BHA) และ Tertiary Butyl Hydro Quinone (TBHQ) ซึ่งทั้ง BHA และ TBHQ เป็นสารเจือปนในอาหารในรูปของสารกันบูดเพื่อให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ มีการวิจัยของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อสาธารณประโยชน์ (CSPI) สหรัฐอเมริกา พบว่า TBHQ และ BHA ก่อปัญหาด้านสุขภาพมากมาย โดย TBHQ เพิ่มการเกิดเนื้องอกในหนู ส่วนการศึกษาวิจัยของ National Library of Medicine (NLM) แสดงให้เห็นว่าการมองเห็นของมนาย์ถูกรบกวนเมื่อบริโภค TBHQ อีกทั้งยังพบว่า TBHQ สามารถทำให้เกิดการขยายตัวของตับและส่งผลกระทบที่เป็นพิษต่อระบบประสาท เช่น การชักและอัมพาตในหนูทดลองที่เลี้ยงด้วยอาหารซึ่งมีสาร TBHQ ด้วย
3. เพิ่มความเสี่ยงโรคร้าย
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการระบุค่ะว่า ผู้หญิงที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากสัปดาห์ละ 2 ครั้ง มีความเสี่ยงต่อโรคระบบเมตาบอลิซึมอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีโอกาสมากกว่าร้อยละ 68 เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่กินน้อยกว่า โดยไม่ได้นำเรื่องการกินโดยรวมและนิสัยการออกกำลังกายมาเป็นปัจจัยในการศึกษานะคะ
ทั้งนี้ ‘Metabolic syndrome’ เป็นกลุ่มของเงื่อนไขที่เกิดขึ้นร่วมกันในการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวานประเภท 2 โดยเงื่อนไขเหล่านี้รวมถึงความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น โรคอ้วนส่วนกลาง (ไขมันในร่างกายส่วนเกินรอบเอว) และระดับคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์ที่ผิดปกติ
ความเสี่ยงเหล่านี้เป็นผลจากไขมันไม่ดีในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ใช้กระบวนการผลิตแบบทอด ซึ่งช่วยให้มันสามารถปรุงสุกพร้อมกินได้ในไม่กี่นาที นอกจากนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังมีโซเดียมในระดับที่สูง โดยหนึ่งซองประกอบด้วยโซเดียม 861 มิลลิกรัม ซึ่งหากคุณกิน 2 มื้อในหนึ่งวัน ระดับโซเดียมจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,722 มิลลิกรัมเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ สมาคมโรคหัวใจอเมริกันแนะนำให้บริโภคโซเดียมน้อยกว่า 1,500 มิลลิกรัมต่อวันนะคะ
4. น้ำหนักขึ้น!
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารอุดมไขมันและมีคาร์โบไฮเดรตสูงค่ะ โดยมีไขมันประมาณ 7 กรัมและคาร์โบไฮเดรต 27 กรัม (จะไม่อ้วนได้ยังไง…จริงมั้ย?) นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยผงชูรส (โมโนโซเดียมกลูตาเมต) อีกด้วยค่ะ ซึ่งมีการศึกษาบางชิ้นพบว่าผงชูรสในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอาจส่งผลเสียต่อสมอง เพราะสามารถทำให้เกิดการบวมและการตายของเซลล์สมองได้ แถมยังอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวและคลื่นไส้ด้วย
5. ท้องอืด
อาการท้องอืดเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากเกินไปค่ะ เนื่องจากกระบวนการย่อยที่ช้า แถมยังเป็นอาหารที่มีใยอาหารต่ำ ดังนั้น พวกมันจึงเคลื่อนที่ช้าๆ ผ่านทางเดินอาหาร แม้มันจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่ม แต่ผลข้างเคียงคือคุณจะท้องอืดถ้ากินมากเกินไปค่ะ
สรุปคือ ‘อาหารจานด่วน’ อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ดูจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกับจังค์ฟู้ดส์อื่นๆ นะคะ เอาเป็นว่า เข้าซูเปอร์มาร์เก็ตคราวหน้าลองจ่ายเงินเพื่ออะไรที่มีประโยชน์กว่า ‘คัพ’ หรือ ‘ซอง’ ก็ดีนะคะ…เพื่อสุขภาพของตัวคุณเองค่ะ ไบรท์ออนไลน์เป็นห่วง
ที่มา: www.theepochtimes.com
อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ คลิก
ติดตามข่าวอื่นที่คุณสนใจ คลิก