ลืมสีสันอันหรูหราของมหานครปารีส และมนต์ขลังความตื่นเต้นของบาร์เซโลนาไปก่อนค่ะ เพราะ 5 เมืองที่อาจจะถูกมองข้ามมานาน ได้กลายมาเป็น Top 5 ใน Best of Travel 2019 ตามการจัดอันดับของ Lonely Planet และพวกนางกำลังจะกลับมากระตุกจินตนาการแห่งการเดินทางของทัวริสต์ทั้งหลายในไม่ช้า เอ้า! มาดูกันเลยค่ะว่าระดับมือโปรอย่าง Lonely Planet กำลังจับตามองไปที่ไหนบ้าง… จะได้ ปักหมุด การเดินทางถูกจ้า
1. โคเปนเฮเกน (Copenhagen) ประเทศเดนมาร์ก
เมืองหลวงสุดคูลของเดนมาร์กคือสถานที่ไม่อยากให้คุณมองข้ามเลยค่ะ เพราะนอกจากอาหารแบบ New-Nordic เอกลักษณ์ของเมืองสแกนดิเนเวียนี้แล้ว สภาพแวดล้อมของที่นี่ก็เริดไม่แพ้ที่ไหนในโลกเลยล่ะ แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพียบ ไม่ว่าจะเป็นโกดังเก่า Refshaleøenที่กลายมาเป็นศูนย์รวมทางวัฒนธรรมและอาหาร มีความชิคทั้งสตูดิโอ อาคารสถาปัตยกรรม ร้านอาหารต่างๆ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วย ส่วนแหล่งบันเทิงอย่างสวนสนุก Tivoli Gardens ย่านใจกลางเมืองที่เก่าแก่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ก็จะช่วยเปลี่ยนอารมณ์อันหดหู่ในฤดูหนาวให้กลับมาสดใสอีกครั้งกับ February season ที่กำลังจะมาถึง ขณะที่ศูนย์การจัดการขยะ Amager Bakke สุดเก๋ที่เนรมิตดาดฟ้าให้เป็นลานสกีและสวนสำหรับเดินป่าและขี่จักรยานก็ไม่น่าพลาด นอกจากนี้ยังมีศูนย์วัฒนธรรม BLOX ที่ออกแบบโดย Rem Koolhaas สถาปนิกชาวดัตช์ ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2019 บวกกับการเดินทางข้ามเมืองด้วยรถไฟ Cityringen จะทำให้ทริปท่องโคเปนเฮเกนของคุณง่ายและสะดวกสบายสุดๆ เลยล่ะ
2. เซินเจิ้น (Shēnzhèn) ประเทศจีน
เซินเจิ้นคือเมืองที่มีนวัตกรรมก้าวหน้าและน่าจับตามองที่สุดมากที่สุดในตอนนี้ค่ะ เพราะที่นี่คือ ‘Silicon Valley’ ของประเทศจีน ที่มีการประกาศตัวว่าเป็นแหล่งนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงงานออกแบบ งานโฆษณาครีเอทีฟต่างๆ ซึ่งแม้ก่อนหน้านี้เซินเจิ้นจะเป็นที่รู้จักในฐานะสถานบันเทิงยามค่ำคืนราคาถูก แต่ตอนนี้ที่นี่เต็มไปด้วยดนตรีแนวอินนี้ คาเฟ่คูลๆ และกำลังกลายสภาพซากอาคารเก่าๆ ให้เป็นแหล่งผลิตงานฝีมือและศิลปะแห่งใหม่ โดย 3 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเปิดตัว Design Society รวมถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะและการวางแผนร่วมสมัย (MOCAPE) และหมู่บ้านมรดกทางวัฒนธรรม OCT-LOFT ด้วย
3. นอวีซาด (Novi Sad) ประเทศเซอร์เบีย
เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเซอร์เบียอย่าง Novi Sad ยังคงเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ ซึ่ง ‘New Garden’ ของเซอร์เบียร์นี้กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลดนตรี EXIT Festival ครั้งที่ 20สอดคล้องกับการเป็นเจ้าของรางวัล European Youth Capital 2019 โดยแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของที่นี่กำลังได้รับการฟื้นฟู ไม่ว่าจะเป็นเมืองประวัติศาสตร์อย่าง Petrovaradin Citadel กำลังถูกยกระดับขึ้น และย่านไชน่าทาวน์ที่รกร้างก็กำลังเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นย่านวัฒนธรรมทางเลือก ส่วนใครอยากระเบิดพลังความคิดสร้างสรรค์ก็ตามไปเทศกาลGradić Fest ที่กำลังจะชุบชีวิตป้อม Petrovaradin ผ่านดนตรี ภาพยนตร์ ละคร และศิลปะ เอาเป็นว่า Novi Sad กำลังเตรียมพร้อมสวมมงกุฎแชมป์ European Capital of Culture ในปี 2021
4. ไมอามี (Miami) สหรัฐอเมริกา
ไมอามีโด่งดังมากในฐานะเมืองที่มีชายหาดสวยงามผสานกับสถานบันเทิงยามค่ำคืน สวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาอากาศอุ่นๆ สำหรับหลบหนาว แต่ที่น่าเซอร์ไพรส์คือไม่กี่ปีที่ผ่านมาไมอามีกลายเป็นศูนย์กลางความเฟื่องฟูของงานศิลปะ ผู้คนมากมายเดินทางมาที่นี่เพื่อลองลิ้มชิมรสอาหาร และสัมผัสกับ Uban Design นอกจากนี้ใจกลางเมืองไมอามียังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ด้วยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่มีมูลค่ากว่า 305 ล้านเหรียญ ในขณะที่ Design District ได้กลายเป็นแม่เหล็กทางวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสะดุดตา (Museum Garage และ Institute of Contemporary Art) และการขยายตัวของ public artsใหม่ ๆ ที่ทัวริสต์สายอาร์ตต้องติดใจ
5. กาฐมาณฑุ (Kathmandu) ประเทศเนปาล
กาฐมาณฑุคือศูนย์รวมการค้า การเดินทาง วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเนปาลค่ะ ซึ่งผลพวงของแผ่นดินไหวเมื่อปี 2015 อาจทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ความเศร้าและการไว้อาลัย แต่วันนี้ทุกสิ่งกำลังได้รับการฟื้นฟู สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์กำลังจะกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ การจราจร หมอกควัน และเสียงรบกวนต่างๆ จะทำให้กาฐมาณฑุกลับมาคึกคักและน่าอยู่มากขึ้นกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน การมีระบบไฟฟ้าและ Wi-Fi รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ถือเป็นโบนัสที่นักเดินทางอย่างคุณจะได้รับท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ในตรอกซอกซอยของเมืองเก่าแห่งนี้ค่ะ
ไบรท์ออนไลน์ ก็ไม่แน่ใจนะคะว่าทั้ง 5 เมืองนี้จะถูกจริตนักท่องเที่ยวอย่างคุณมากแค่ไหน … แต่ถ้าใครเป็นทัวริสต์สาย Culture & Artแล้วพลาดพวกนางทั้ง 5 ไป ก็น่าเสียดายแย่เลยค่ะ
ที่มา: www.mydomaine.com