ปัญหา “มลพิษหมอกควัน” ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นับได้ว่าเป็นภัยใกล้ตัวของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อความเป็นอยู่ หรือแม้แต่ผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ
ล่าสุดได้มีผลการวิจัยลงตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ระบุว่า มลพิษทางอากาศส่งผลต่อสมองมนุษย์ โดยทำให้ประสิทธิภาพด้านการคิดและสติปัญญาลดต่ำลง งานวิจัยดังกล่าวเป็นผลงานการศึกษาร่วมกันระหว่างทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีน และมหาวิทยาลัยเยลของสหรัฐอเมริกา โดยใช้วิธีประเมินทักษะด้านคณิตศาสตร์และทักษะด้านการพูด ใช้อาสาสมัครในประเทศจีนจำนวน 20,000 คน จากช่วงอายุวัยเด็ก คือตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จนถึงวัยกลางคน เป็นระยะเวลายาวนาน 4 ปี ตั้งแต่ปี 2010 – 2014 ภายใต้มลภาวะของฝุ่นละอองขนาดเล็ก 10 ไมครอนและ 2.5 ไมครอน รวมทั้งองค์ประกอบพิษที่พบได้ทั่วไปในเมืองใหญ่ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และ ไนโตรเจนไดออกไซด์
ผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพด้านการคิดและสติปัญญา รวมทั้งทักษะในการพูดของอาสาสมัครจะลดต่ำลงแปรผันตามอายุ โดยอาสาสมัครที่มีอายุมาก สมองจะยิ่งได้รับผลจากมลภาวะได้มากกว่าอาสาสมัครที่อายุน้อย และผลเสียจะเกิดขึ้นกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง นอกจากนี้ยังพบว่า มลพิษทางอากาศจะเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคความเสื่อมถอยต่าง ๆ ของสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อมด้วย
ถึงแม้ว่างานวิจัยนี้จะเกิดขึ้นที่ประเทศจีน แต่ในประเทศไทยของเราก็มีความน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะไม่ว่าจะเป็นมลพิษหมอกควันที่เกิดจากยานพาหนะต่าง ๆ โรงงานอุตสาหกรรม หรือปัญหามลพิษหมอกควันและไฟป่า ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยและอื่น ๆ อีกมากมาย นอกเหนือจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและทำการจัดการแก้ไขปัญหานี้
เบื้องต้นเราอาจป้องกันฝุ่นละอองได้ด้วยหน้ากากอนามัย โดยหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองระดับ 2.5 ไมครอนได้จะต้องเป็นหน้ากากอนามัยมาตรฐาน N95 ขึ้นไป ไม่ใช่หน้ากากอนามัยแบบผ้าปิดปากธรรมดาตามร้านสะดวกซื้อ
สุดท้ายเราสามารถติดตามตัวเลขฝุ่นควันมลพิษในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยได้ที่ http://aqicn.org/city/chiang-mai/
ขอบคุณข้อมูลจาก PNAS