สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันอย่างหนาหู ขณะที่เรา ๆ ท่าน ๆ อายุเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่พอเปิดกระเป๋าสตางค์ เงินในกระเป๋ากลับมีอยู่น้อยนิดสวนทางกับอายุที่เพิ่มขึ้นเสียนี่ เพื่อความไม่ประมาทของชีวิตจึงควรเตรียมตัว “วางแผนการเงิน” เพื่อเก็บไว้ใช้ยามเกษียณเสียตั้งแต่ในวันที่เรายังสามารถหาเงินได้ หรือหากเจ็บไข้ได้ป่วยเสียชีวิต ก็ไม่ทิ้งไว้เป็นภาระแก่คนข้างหลัง
การออม
รายได้ที่หาได้ขณะที่ยังทำงานอยู่นั้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อยควรกันไว้เป็นเงินออมจำนวนหนึ่ง และควรออมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการออมเงินที่ได้ผลคือ “ออมก่อนใช้” ทันทีที่มีรายได้เข้ามา ให้หักรายได้ส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินออม เหลือเท่าไหร่แล้วจึงค่อยใช้ เพราะหากใช้ก่อนออม อาจจะใช้เพลินจนไม่เหลือไว้ให้ออม ส่วนจะออมเท่าไรนั้น ข้อมูลหนังสือ The Millionaire Next Door พบว่า เศรษฐีเงินล้านในสหรัฐอเมริกาที่สร้างฐานะด้วยตัวเองจนร่ำรวยเป็นเศรษฐีเงินล้านนั้น ออมเงินอยู่ที่ 15% ของรายได้ขึ้นไป ซึ่งถือเป็นแนวทางได้ว่า เราควรจะออมเงินไม่ต่ำกว่า 15% ของรายได้ หรือคิดตามจำนวนวันที่ทำงาน ในหนึ่งวันเราทำงาน 8 ชั่วโมง เราควรกันรายได้สำหรับเงินออมไว้ 1-2 ชั่วโมงทำงาน ตามที่ David Bach ผู้เขียนหนังสือ The Automatic Millionaire แนะนำไว้ หากออมได้มากกว่านั้นก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรออมจนไม่ยอมใช้และทำให้ชีวิตประจำวันลำบาก พิจารณาตามความเหมาะสมและความสามารถของแต่ละคน
ลงทุนให้เงินงอกเงย
วิธีหนึ่งในการทำให้เงินงอกเงย คือ การนำเงินไปลงทุน แต่มนุษย์เงินเดือนหลายท่าน เมื่อออมเงินได้จำนวนหนึ่งขณะที่อายุเริ่มมากขึ้น จะมีความกังวลว่า การนำเงินไปลงทุนเสี่ยงต่อการขาดทุนและจะทำให้ทรัพย์สินที่มีอยู่หร่อยหรอลง วิธีกำจัดความกลัวที่ดีคือการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแต่ละประเภทให้ถ้วนถี่ แล้วเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่ากลัวความเสี่ยงมากจนเกินไป เพราะเงินที่เก็บไว้ใช้ยามเกษียณนั้น สามารถนำมาลงทุนในระยะยาวได้ จึงสามารถรับความเสี่ยงสูงได้ แต่หากเก็บไว้เฉย ๆ ค่าของเงินจะบดน้อยลง เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้น
เลือกการลงทุนแบบผสม
การลงทุนที่เหมาะสมกับวัยเกษียณอายุที่สุดคือ การลงทุนแบบผสม นั่นคือกระจายการลงทุน เช่น อาจมีทั้งการลงทุนในกองทุนรวม ตราสารหนี้ หรืออาจพิจารณาลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ในการลงทุนกองทุนรวมหรือในหุ้น ก็ควรจัดพอร์ตลงทุนแบบผสม ไม่ลงทุนในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ด้วย
ทบทวนการลงทุน
แม้ว่าเงินออมในยามเกษียณจะเป็นเงินเก็บระยะยาวที่รับความเสี่ยงได้พอสมควร แต่การติดตามหรือทบทวนการลงทุนเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้สามารถพอร์ตและแนวทางการลงทุนได้เหมาะสมกับสถานการณ์ และเป็นประโยชน์ที่จะช่วยทำให้เงินออมที่มีอยู่เติบโต
ปฏิบัติตามแนวทาง 4 ข้อนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินไว้ใช้ยามเกษียณบางท่านอาจจะไปได้ถึงขั้นมีอิสรภาพยทางการเงินด้วยซ้ำ ที่สำคัญเมื่อเรามีเงินออมเพียงพอ ยามเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตลง ก็ไม่ทิ้งภาระไว้ให้กับคนข้างหลัง
ข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
finnomena
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รู้จัก “กองทุนรวม” ช่องทางลงทุนเพื่ออิสระทางการเงิน