อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจและตัวเลขนั้นผันผวนอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นตัวเลขในตลาดหุ้นด้วยแล้วล่ะก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไวแค่กะพริบตาก็ว่าได้ ส่วนใหญ่แล้วแบรนด์ดัง ๆ ก็จะหันเข้าไปสู่ตลาดหุ้นเพื่อการเจริญเติบโตของแบรนด์เอง ซึ่ง ไบรท์ออนไลน์ ได้ไปหาข้อมูลมาแล้วว่า ในตลาดหุ้นปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมานั้น มีแบรนด์ไหนบ้างนะที่ปัง แล้วแบรนด์ไหนที่พังเพราะหุ้นตก เดี๋ยวไปติดตามกัน
เริ่มต้นกันด้วย Chipotle Mexican Grill ร้านอาหารเม็กซิกันที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากโมเดล Fast Casual (ร้านอาหารที่ผสมผสานแนวคิดระหว่าง Fast Food และ Casual Dining ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่มีความน่าสนใจและสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกรวดเร็วและคุณภาพอาหาร) ร้านนี้กลายเป็นที่รู้จักในเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่เพราะปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารช่วงครึ่งปีหลัง ในปี พ.ศ.2558 ทำให้ความน่าเชื่อถือในแบรนด์ของผู้บริโภคลดลงและส่งผลให้อัตราการเติบโตในปีดังกล่าวลดลงไปด้วย
แต่ในปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมาวิกฤตดังกล่าวดูเหมือนจะดีขึ้น จึงทำให้ยอดขายของแบรนด์เพิ่มขึ้น 49.4% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างมาก ส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายของ Chipotle Mexican Grill เพิ่มขึ้นนั่นก็เป็นเพราะว่ายอดขายในดิจิทัลเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ในขณะที่หุ้น FAANG (หุ้น FAANG ประกอบด้วย Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google-parent Alphabet) ดูเหมือนจะตกลงในช่วงหลังของปี พ.ศ.2561 แต่ยังดีที่ว่า Netflix นั้นยังคงสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างน่าประทับใจ ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการนำรายได้ซึ่งเป็นเงินสดไปผลิตรายการใหม่ ๆ เพื่อให้บริการผ่านสตรีมมิ่ง อย่าง Bird Box, Orange Is the New Black และ BoJack Horseman ซึ่งผลกำไรที่เพิ่มขึ้นมานั้นคือ 39.4% ส่วนทาง Amazon ยังคงความยิ่งใหญ่เอาไว้ได้เช่นเดิม โดยในปีนี้ผลกำไรเพิ่มขึ้น 28.4% ทั้งยังกำลังจะสร้างสำนักงานใหม่ที่ลองไอแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ด้าน Facebook ที่อยู่ในหุ้น FAANG ดูจะไม่ค่อยดีอย่างที่คิดสักเท่าไหร่ในปี .ศ.2561 ที่ผ่านมา ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะผลกำไรของ Facebook ตกลงร้อยละ 25.7 โดยเหตุผลหลักมาจากเหล่าผู้ใช้เกิดความกังวลใจในเรื่องวิธีการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยนั่นเอง
ส่วน L Brands ซึ่งเป็นเจ้าของ Victoria’s Secret และ Pink นั้นมีทั้งกำไรเพิ่มขึ้นและลดลง โดยในส่วนที่เพิ่มขึ้น 57.4% ก็มาจาก Victoria’s Secret เหตุผลก็เพราะผู้ใช้ยังคงติดอยู่กับแบรนด์อย่างเหนียวแน่น ส่วน PINK ซึ่งเป็นอีกแบรนด์ที่แยกออกมาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายของสาววัยรุ่น กลับมียอดขายที่ลดลง
ปิดท้ายกันด้วยแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงมายาวนานอย่าง General Electric แต่ชื่อเสียงอันยาวนานจะไม่ได้ช่วยให้กำไรของแบรนด์เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย เพราะในปี พ.ศ.2561 แบรนด์มีกำไรลดลงร้อยละ 56.6 เพราะดูเหมือนว่าทางแบรนด์จะติดปัญหาในเรื่องของกฎระเบียบเกี่ยวกับการทำบัญชีนั่นเอง
ส่วนใหญ่แล้วการที่ผลกำไรของบางแบรนด์ลดลงนั้นมีผลมาจากผู้บริโภคเป็นส่วนใหญ่ น้อยมากที่จะเกิดขึ้นจากทางแบรนด์เอง ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละแบรนด์จะทำให้ผู้บริโภคกลับมาเชื่อใจได้มากน้อยขนาดไหน เอาเป็นว่าทาง ไบรท์ออนไลน์ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกแบรนด์ก็แล้วกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : New York Post